Sinbad Archives - Tale of Neko Hima Hime https://nekohimahime.online/tag/sinbad/ รวบรวมนิทานทั่วโลก ทั้งแบบอ่านและนิทานเสียง อ่านฟรี ฟังฟรี @mamachomhomecafe Fri, 24 Jun 2022 05:59:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 https://nekohimahime.online/wp-content/uploads/2021/07/cropped-cropped-211933247_1645437839180149_1144222499135360965_n-32x32.jpg Sinbad Archives - Tale of Neko Hima Hime https://nekohimahime.online/tag/sinbad/ 32 32 วิเซียร์ผู้ต้องโทษ https://nekohimahime.online/2021/06/13/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%97%e0%b8%a9/ https://nekohimahime.online/2021/06/13/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%97%e0%b8%a9/#respond Sun, 13 Jun 2021 08:49:23 +0000 https://nekohimahime.online/?p=617 ณ ประเทศที่ใกล้เคียงกับราชอาณาจักรของพระองค์ มีพระราชาองค์หนึ่งเลื่องลือพระนาม พระองค์ชอบการประพาสป่าล่าเนื้อ เวลาเสด็จออกล่าเนื้อเคยพาโอรสไปด้วยเนืองๆ ครั้นโอรสเจริญวัยขึ้น ก็มีพระนิสัยติดไปทางพระชนกด้วย เมื่อพระราชาทรงชราลงโอรสก็ออกล่าเนื้อโดยลําพัง อยู่ต่อมาพระราชาทรงระแวงไปว่าภัยจะเกิดแก่โอรส จึงกําชับแกรนด์วิเชียร์ให้ติดตามไปล่าเนื้อด้วยทุกครั้ง มิให้ห่างไกลลับตาเป็นอันขาด เช้าวันหนึ่ง พระโอรสเสด็จออกประพาสป่าล่าเนื้อพร้อมด้วยแกรนด์วิเชียรผู้เป็นองค์รักษ์ และทหารม้าไล่ต้อนเนื้อออกจากป่า เจ้าชายก็ควบม้าไล่ตามเนื้อไป สําคัญพระหฤทัยว่า แกรนด์วิเซียร์ควบม้าติดตามมาด้วย เธอควบม้าไล่ตามกวางไปเป็นเวลานาน จึงรู้สึกว่าไม่มีผู้ใดติดตามมา นึกว้าเหวพระหฤทัยด้วยว่าควบม้าถล้าเข้าไปในดงลึก จึงชักผ้าหยุดลงทันใดแล้วควบกลับวกเวียนอยู่ในป่าหลาย ตลบก็หาพบแกรนด์วิเซียร์และพวกทหารไม่ เธอพยายามควบม้าเสาะหาหนทางกลับพระราชวัง อยู่จนสายก็ไม่พบทาง หลงอยู่แต่ โดยลําพังพระองค์เดียว ในขณะที่เจ้าชายชักม้าวนเวียนไปมา อยู่บังเอิญพบนางคนหนึ่ง รูปร่างงดงามนั่งร้องไห้ฟูมฟายน้ําตา อยู่ในป่า เจ้าชายจึงหยุดมาไต่ถามว่านางเป็นใคร เหตุไรจึงมานั่งร้องไห้อยู่ในป่าเปลี่ยวแต่ผู้เดียว นางตอบว่า ข้าพเจ้า เป็นธิดาของกษัตริย์อินเดีย ออกเที่ยวขี่ม้าเล่น ม้าพยศพามาในป่านี้จะรั้งเอาไว้ไม่อยู่ จนตกจากหลังม้า ม้าก็วิ่งหนีหายไปในดง ข้าพเจ้าหมดปัญญาไม่รู้ที่จะทําประการไร จึงนั่งร้องไห้อยู่ด้วยความกลัว เจ้าชายมีความสงสารและทั้งรักใคร่นางงามเป็นอันมาก จึงบอกกับนางว่า อย่าร้องไห้ไปเลย เราจะรับนางให้ขึ้นหลังม้าไปกับเรา เจ้าชายก็อุ้มนางให้ขึ้นนั่งอยู่ข้างหลังเธอแล้วควบม้าต่อไป เจ้าชายชักม้าพานางวิ่งไปไม่นานนัก ก็มาถึงบ้านร้างหลังหนึ่งอยู่ชายป่า นางพูดว่าม้าพาวิ่งมาเหน็ดเหนื่อยนัก ขอลงจากหลังม้าพักพอหายเหนื่อยก่อนเถิด เจ้าชายก็อุ้มนางลง และทั้งตัวเธอก็ลงจากหลังม้าด้วย นางเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้านคร่ำคร่ารกร้าง เจ้าชายก็จูงม้าเดินตามไป แต่พอเดินเข้าไปใกล้บ้านร้าง…

The post วิเซียร์ผู้ต้องโทษ appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>

ณ ประเทศที่ใกล้เคียงกับราชอาณาจักรของพระองค์ มีพระราชาองค์หนึ่งเลื่องลือพระนาม พระองค์ชอบการประพาสป่าล่าเนื้อ เวลาเสด็จออกล่าเนื้อเคยพาโอรสไปด้วยเนืองๆ ครั้นโอรสเจริญวัยขึ้น ก็มีพระนิสัยติดไปทางพระชนกด้วย เมื่อพระราชาทรงชราลงโอรสก็ออกล่าเนื้อโดยลําพัง อยู่ต่อมาพระราชาทรงระแวงไปว่าภัยจะเกิดแก่โอรส จึงกําชับแกรนด์วิเชียร์ให้ติดตามไปล่าเนื้อด้วยทุกครั้ง มิให้ห่างไกลลับตาเป็นอันขาด

เช้าวันหนึ่ง พระโอรสเสด็จออกประพาสป่าล่าเนื้อพร้อมด้วยแกรนด์วิเชียรผู้เป็นองค์รักษ์ และทหารม้าไล่ต้อนเนื้อออกจากป่า เจ้าชายก็ควบม้าไล่ตามเนื้อไป สําคัญพระหฤทัยว่า แกรนด์วิเซียร์ควบม้าติดตามมาด้วย เธอควบม้าไล่ตามกวางไปเป็นเวลานาน จึงรู้สึกว่าไม่มีผู้ใดติดตามมา นึกว้าเหวพระหฤทัยด้วยว่าควบม้าถล้าเข้าไปในดงลึก จึงชักผ้าหยุดลงทันใดแล้วควบกลับวกเวียนอยู่ในป่าหลาย ตลบก็หาพบแกรนด์วิเซียร์และพวกทหารไม่ เธอพยายามควบม้าเสาะหาหนทางกลับพระราชวัง อยู่จนสายก็ไม่พบทาง หลงอยู่แต่

โดยลําพังพระองค์เดียว ในขณะที่เจ้าชายชักม้าวนเวียนไปมา อยู่บังเอิญพบนางคนหนึ่ง รูปร่างงดงามนั่งร้องไห้ฟูมฟายน้ําตา อยู่ในป่า เจ้าชายจึงหยุดมาไต่ถามว่านางเป็นใคร เหตุไรจึงมานั่งร้องไห้อยู่ในป่าเปลี่ยวแต่ผู้เดียว นางตอบว่า ข้าพเจ้า เป็นธิดาของกษัตริย์อินเดีย ออกเที่ยวขี่ม้าเล่น ม้าพยศพามาในป่านี้จะรั้งเอาไว้ไม่อยู่ จนตกจากหลังม้า ม้าก็วิ่งหนีหายไปในดง ข้าพเจ้าหมดปัญญาไม่รู้ที่จะทําประการไร จึงนั่งร้องไห้อยู่ด้วยความกลัว เจ้าชายมีความสงสารและทั้งรักใคร่นางงามเป็นอันมาก จึงบอกกับนางว่า อย่าร้องไห้ไปเลย เราจะรับนางให้ขึ้นหลังม้าไปกับเรา เจ้าชายก็อุ้มนางให้ขึ้นนั่งอยู่ข้างหลังเธอแล้วควบม้าต่อไป

เจ้าชายชักม้าพานางวิ่งไปไม่นานนัก ก็มาถึงบ้านร้างหลังหนึ่งอยู่ชายป่า นางพูดว่าม้าพาวิ่งมาเหน็ดเหนื่อยนัก ขอลงจากหลังม้าพักพอหายเหนื่อยก่อนเถิด เจ้าชายก็อุ้มนางลง และทั้งตัวเธอก็ลงจากหลังม้าด้วย นางเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้านคร่ำคร่ารกร้าง เจ้าชายก็จูงม้าเดินตามไป แต่พอเดินเข้าไปใกล้บ้านร้าง เจ้าชายตกใจเป็นอันมาก เพราะได้ยินนางพูดว่า จงดีใจเถิดลูกเอย แม่พาเอาชายหนุ่มอ้วนพี่มีเนื้อมากมาให้พวกเจ้า เสียงจากข้างในบ้านร้างร้องออกมาพร้อมกันเซ็งแซ่ว่า ไหนแม่ มนุษย์นั้นอยู่ไหน เอามาให้เสียโดยเร็ว หิวเต็มที่แล้ว

ฝ่ายเจ้าชายได้ยินดังนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่า ตกเข้ามาในอันตรายอันใหญ่หลวง นางงามผู้มีมายานั้นมิใช่อื่นไกล คือ เมียของยักษร้ายซึ่งท่องเที่ยวอยู่ในราวป่า ทํามายาล่อลวงกินคน เดินทางมาเสียมากมายแล้ว เจ้าชายกลัวจนพระกายสั่น หันกลับมาเผ่นขึ้นหลังม้าทันที นางแปลงเหลือบมาเห็นเข้าก็รู้สึก ว่าเสียการ มันก็แสรังปราศรัยว่า ท่านจะหนีข้าพเจ้าไปข้างไหน ดูหรือน้ำใจช่างทิ้งไปได้ ไม่มีความสงสารเลย ขอท่านจงลงจากหลังม้ามาพูดจากันก่อนเถิด เจ้าชายรู้ทันว่านางแสร้งทําลวงก็หาลงจากหลังม้าไม่ อุตส่าห์ตอบนางว่า ข้ารู้แล้วว่าเจ้าแสร้งมายา ล่อลวงพาข้ามาจะกินเสีย นี่หากพระอาหล่าเป็นเจ้าทรงคุ้มครองรักษาอยู่ จึงมิตกอยู่ในอํานาจของเจ้า ว่าแล้วก็ประสานหัตถ์ทั้งสองขึ้นอภิวาทพระอาหล่าผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า พลางประกาศว่า ข้าแต่พระอาหล่าผู้ทรงอานุภาพเลิศล้ำเหนือสัตว์ทั้งปวงในพิภพ ขอพระองค์จงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของอีผีร้ายด้วยเถิด เมื่อประกาศคําวิงวอนแล้ว ก็ชักม้าหันกลับควบไปโดยเร็ว บังเอิญในไม่ช้าก็มาพบทาง จึงดีพระหฤทัยรีบควบม้าเข้าพระนคร ครั้นถึงก็ตรงเข้าเฝ้าพระราชบิดาทูลให้ทรงทราบเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบสิ้นทุกประการ

แกรนด์วิเชียรของกษัตริย์กรีกจึงทูลว่า ซึ่งเจ้าชายหนีมาได้โดยปราศจากภัยดังนั้นก็ดี แต่พระราชบิดาของเธอก็หาว่าทรงพระโกรธงดโทษแกรนด์วิเซียร์ผู้เลินเล่อเสียได้ไม่ รับสั่งว่า มันมิระวังเจ้านายของมัน ให้เอามันไปฆ่าเสียจึงจะควร แกรนด์วิเชียร์ผู้นั้นก็ถูกประหารชีวิต เรื่องราวมีเป็นตัวอย่างอยู่ดังกราบทูลนี้แล้ว หน้าที่ของข้าพเจ้าจึงต้องคอยระมัดระวังมิให้มีเหตุร้ายภัยพาลมาต้องยุคลบาท แม้แต่มีความระแวงสงสัยว่าจะมีภัยก็ต้องรีบปัดเป่า แต่นายแพทย์ดูบันนี้ไม่ใช่แต่ว่าเพียงระแวงสงสัยมิได้ ข้าพเจ้าทราบว่าเขาเป็นผู้มาปองร้ายพระองค์โดยตรงที่เดียว ราชศัตรูของพระองค์แต่งให้มาปลงพระชนม์เสีย เพื่อจะแย่งชิงราชสมบัติและขอบขัณฑสีมาอาณาจักร เข้ามาในแว้นเคว้นดินแดนของพระองค์ ขอองค์จงเชื่อฟังข้าพเจ้าเถิด ที่กราบทูลเตือนพระสติ ครั้งนี้ ก็ด้วยเกรงว่า จะต้องได้รับภัย อย่างแกรนด์วิเชียรผู้เป็นโทษในนิยายที่ได้เล่าถวายแล้ว

กษัตริย์กรีกผู้หย่อนในปัญญา มีพระนิสัยหันเหเรรวน เชื่อฟังคําคนยุยงง่าย ๆ ไตร่ตรองไม่เห็นซึ่งความอิจฉาริษยาของแกรนด์วิเชียร์ จึงตรัสว่า วิเชียร์ท่านกล่าวชอบ เรานึกได้แล้วว่า อุบันเป็นคนมีวิชาวิเศษผิดกว่าคนธรรมดา อาจเอาชีวิตเรา เสียเมื่อไรก็ได้ เพียงแต่ให้อมยาวิเศษอะไรสักอย่างหนึ่ง เราก็จะตายโดยง่ายดาย ที่วิเชียร์เตือนสติเราครั้งนี้ขอบใจมาก ขอให้ท่านจงไตร่ตรองดูว่า จะทําประการไรดีจึงจะกําจัดดูบันไปเสีย จากบ้านเมืองของเราได้

เมื่อแกรนต์วิเชียร์เห็นว่า พระราชาหลงเชื่ออุบายของตนแล้ว จึงกราบทูลว่า ซึ่งจะกําจัดตัดรากคนเช่นหมอดูบันนี้เห็นมีอุบายอยู่ทางเดียว คือให้หาตัวเข้ามาเฝ้าแล้วก็สั่งให้ ประหารชีวิตเสียนั่นแหละจึงจะพ้นภัย ถ้าแต่เพียงจะให้เนรเทศไปเสียจากพระนครเท่านั้น เห็นว่าจะมีภัยอยู่ ต่างว่ามันมิได้มี เจตนาปองร้ายมาแต่เดิมแล้ว เมื่อถูกเนรเทศถอดถอนเสียจากยศศักดลาภสการ ก็จะเป็นเหตุให้เริ่มคิดรายขึ้น น่าจะไม่มีทางแก้ไขภายหลัง

พระราชารับสั่งว่า ดีแล้ว เราจะต้องติดความคิดของมันเสียก่อน รับสั่งเท่านั้น ก็ใช้ให้นายทหารคนหนึ่งไปตามตัวนายแพทย์ดูบันเข้ามา ฝ่ายนายแพทย์ดูบันเมื่อทราบว่ามีรับสั่งให้หาก็รีบเข้ามาเฝ้า พอพระราชาเหลือบเห็นดูบันเข้ามา จึงรับสั่งถามว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราให้ตามตัวมาทําไม ดูบันได้ฟังรับสั่งถาม จึงกราบทูลว่าไม่ทราบมิได้ ข้าพเจ้าเข้ามาเฝ้า พระองค์ก็เพื่อจะนั่งกระแสรับสั่งใช้ พระราชาตรัสตอบว่า ข้าจะไม่ใช้เจ้าอีกแล้ว ที่ให้หาตัวมาบัดนี้เพื่อจะให้ฆ่าเจ้าเสียข้าจะได้ปลีกตัวหนีรอดพ้นจากแร้วที่เจ้าวางไว้ดักข้า

ฝ่ายนายแพทย์ดูบันได้นั่งรับสั่งดังนั้น มีความประหลาด ใจเป็นอันมาก เหลือที่จะบอกให้ถูกได้ว่าเพียงไร ทูลถามว่าซึ่งพระองค์จะให้ประหารชีวิตข้าพเจ้าเสียทั้งนี้ ข้าพเจ้ามีความผิดคิดร้ายประการไรพระเจ้าข้า พระราชาตรัสตอบว่า ข้ารู้อยู่ว่าเจ้าเป็นศัตรูของข้า ที่เจ้ามาถึงพระนครและเข้าสู่สํานักของข้านี้ ก็เพราะศัตรูของข้าใช้ให้มาเอาชีวิตข้าเสีย เพื่อจะแย่งชิง ราชสมบัติ เพราะเหตุนี้ จึงต้องฆ่าเจ้าเสียก่อน เพื่อป้องกันชีวิตของข้า แล้วก็รับสั่งกับนายทหารรักษาพระองค์ซึ่งยืนเฝ้าอยู่ในที่นั้นว่า ฟันคอมันเสีย อย่าเอามันไว้ให้นานนักเลย อ้ายจัณฑาลคนนี้มันเป็นคนเจ้าเล่ห์ ปล่อยให้มีชีวิตอยู่นานนักไม่ได้ ประเดี๋ยวมันจะแผลงฤทธิ์เอาข้าเข้า

เมื่อนายแพทย์ดูบันได้ฟังดังนั้น ก็คิดอยู่ในใจว่า ชะรอยยศศักดิ์ทรัพย์สมบัติซึ่งพระราชาพระราชทานให้แก่เรามากมายนี้เอง เป็นเหตุส่อให้เกิดมีศัตรูขึ้นในหมู่อมาตย์ทั้งหลาย ฝ่ายพระราชาเล่า ก็เบาพระหฤทัยเชื่อฟังคํายุยงของอมาตย์ผู้ทรยศเป็นพาลสันดานชั่วช้า เราเป็นผู้หาความคิดมิได้ที่ช่วยรักษาโรคแก้ชีวิตของพระองค์ไว้ การรับราชการอยู่ในเจ้าผู้หย่อนปัญญาให้โทษแก่เราถึงเพียงนี้เชียวหนอ แต่เมื่อรู้สึกไม่ทันการเสียแล้ว นึกเช่นนั้นแล้วก็ทูลพระราชาว่า พระองค์ตอบแทนบุญคุณของข้าพเจ้าผู้ช่วยชีวิตของพระองค์ไว้
ด้วยประการฉะนี้หรือพระเจ้าข้า

พระราชาแกล้งทําเป็นไม่ได้ยิน นายแพทย์ดูบันก็ทูลวิงวอนว่าขอจงได้ไว้ชีวิตข้าพเจ้าเถิด พระอาหล่าเป็นเจ้าก็จะไว้ชีวิตพระองค์ให้ทรงเจริญยืนยาวนาน ขอพระองค์จงอย่าให้ประหารข้าพเจ้าเสียเลยพระเจ้าข้า เกลือกว่าพระอาหล่าจะทรงกระทําแก่พระองค์เช่นเดียวกัน

พอชาวประมงเล่าให้ปีศาจฟังมาได้ถึงเพียงนี้ จึงพูดว่าเจ้าเห็นหรือไม่ว่าการทําคุณแก่คนพาลสันดานชั่วย่อมให้โทษเสมอ หากจะมีคุณอยู่บ้างก็ชั่วขณะครั้งหนึ่งคราวเดียว ในที่สุด คุณนั้นก็กลายเป็นโทษทํานองเดียวกับ นายแพทย์ดูบันทําคุณแก่กษัตริย์กรีกผู้เยาว์ปัญญา ตนก็ต้องถึงซึ่งความตาย เรื่องราวก็ไม่ผิดอะไรกับที่เจ้าจะสนองบุญคุณข้า ผู้ช่วยเจ้าออกจากหม้อทองแดงฉะนั้น

แล้วคนหาปลาก็เล่าให้ปีศาจฟังต่อไปว่า กษัตริย์กรีกก็หาทรงพระกรุณาไว้ชีวิตนายแพทย์ดูบัน ผู้ซึ่งกราบทูลวิงวอน ขอชีวิตในนามของพระอาหล่านั้นไม่ พระองค์ตรัสว่า ไม่ได้เจ้าต้องตาย หาไม่เจ้าก็จะเอาชีวิตข้าเสียง่ายๆยิ่งกว่าที่เจ้าได้รักษาข้าให้หายนั้นอีก


ระหว่างนั้นนายแพทย์ดูบันมีน้ำตาชุ่มอยู่ทั้งสองตา พูดปรับทุกข์ตัวเองว่า อนิจจา ควรหละหรือความดีของเรา ที่ได้ทําไว้ มากลับกลายเป็นโทษใหญ่หลวงไปได้ถึงเพียงนี้ แล้วก็เตรียมตัวที่จะคอยรับคมดาบของนายเพชฌฆาตอยู่ นายทหารผู้เพชณฆาตก็เอาผ้าผูกตานายแพทย์ตูบัน แล้วก็มัดมือทั้งสองข้างอยู่เบื้องหน้า นายแพทย์ดูบันกวิงวอนพระอาหล่าอยู่ ทันใดนั้น นึกถึงอุบายสําคัญขึ้นได้อย่างหนึ่ง จึงทูลพระราชากรีกว่า ซึ่งพระอง๕์จะไม่ทรงกรุณาพระราชทานชีวิตข้าพเจ้าแล้วก็ทำเนา แต่ข้าพเจ้าขอรับพระราชทานกรูณาเพียงเลื่อนวันไปอีกสักวันหนึ่ง พอได้กลับไปบ้านลาบุตรภรรยาและญาติทั้งหลาย และจะได้สั่งเสียให้เตรียมการศพของข้าพเจ้าด้วย นอกจากนั้นข้าพเจ้ายังมีตําราวิเศษเล่มหนึ่ง ซึ่งจะขอถวายไว้ในพระองค์ ตําราเล่มนั้นเป็นของประหลาดมีค่าหายาก สมควรที่พระองค์จะรักษาไว้

พระราชารับสั่งถามว่า ตําราอะไรของเจ้ามีค่าอย่างไร ? นายแพทย์ดูบันจึงทูลว่า ตําราที่ข้าพเจ้าจะถวายพระองค์นั้นประหลาดมาก
ข้อสำคัญที่ควรจะพิศวงยิ่งกว่าอื่นก็คือ เมื่อศีรษะของข้าพเจ้ากระเด็นออกจากกายแล้ว ขอให้พระองค์เปิดตําราเล่มนั้นดูที่หน้า ๖ แล้วทรงอ่านความในบรรทัดที่ ๓ ศีรษะของข้าพเจ้าจะตอบรับสั่งถามของพระองค์ได้ทุกประการ พระราชาได้นั่งทูลดังนั้น ก็ใครจะเห็นข้อเท็จและจริง จึงรับสั่งให้ เลื่อนกําหนดการประหารไปวันรุ่งขึ้น แล้วให้ผู้คุม ๆ ตัวนายแพทย์ดูบันไปบ้านเรือนตน

ครั้นวันรุ่งขึ้นผู้คุมนําตัวนายแพทย์ดูบันกลับมาเฝ้า นายแพทย์ดูบันทูลวิงวอนขอชีวิตต่อพระราชาอีกครั้งหนึ่งว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงอํานาจ ขอจงทรงกรุณาพระราชทานโทษข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าหาความผิดคิดร้ายประการไรมิได้ ใช่แต่เท่านั้น พระองค์ควรจะรําลึกถึงเมื่อครั้งพระองค์ประชวรพระโรคเรื้อนบ้างเถิด พระราชาตรัสตอบว่า เจ้าอย่าอ้อนวอนให้เสียแรงเลย จงเอาเวลาที่เหลืออยู่รีบหายใจเสียเถิด ข้าจะไม่ฟังวิงวอนของเจ้า จะพูดอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ ข้าจะไม่ถอนคําสั่งเป็นอันขาด ต่างว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่นๆก็ดี เพียงแต่ข้ารู้ว่าจะได้ยินเจ้าพูดได้เมื่อหัวของเจ้ากระเด็นออกจากตัวแล้วเท่านั้น ข้าก็จะฆ่าเจ้าเสียเช่นเดียวกับมีเหตุการณ์อื่นเหมือนกัน เพราะว่าข้ารู้สึกว่ามันเป็นการประหลาดอยู่ ที่คนหัวขาดแล้วยังพูดได้

ฝ่ายนายแพทย์ดูบันเห็นหมดหนทางจะแก้ไขชีวิตรอดได้ แล้ว จึงทูลว่า ขอพระองค์จงรับตําราเล่มนี้ไว้ พอศีรษะของข้าพเจ้าหลุดออกจากกายเมื่อไร ขอให้นายทหารหยิบขึ้นวางไว้ บนปกของตําราเล่มนี้ แล้วโลหิตจะหยุดโดยพลัน ต่อจากนั้นขอเชิญพระองค์เปิด ตําราออกดูศีรษะ ของข้าพเจ้าจะตอบคําถามได้ทุกประการ ต่อนั้นมาเพชฌฆาตก็จัดทําการตามหน้าที่ ศีรษะของนายแพทย์ดูบันก็พลันหลุดอออกจากคอด้วยคมดาบ ครั้นแล้ว นายทหารผู้หนึ่งก็ยกเอาศีรษะไปตั้งไว้บนปกตํารา สักประเดี๋ยว ใจหนึ่งโลหิตก็หยุด พอโลหิตหยุด ศีรษะนั้นลืมตาอ้าปาก พูดว่า ในบัดนี้ขอพระองค์จงเปิดตําราสิพระเจ้าข้า พระราชา ก็ทรงพลิกตําราดู ครั้นเห็นใบแรกติดกับใบที่ ๒ จึงยกนิ้ว พระหัตถ์ขึ้นแตะพระเขฬะ เพื่อจะทรงเปิดหน้ากระดาษตํารานั้นโดยสะดวก พระองค์ต้องแตะพระเขฬะพลิกเปิดหน้ากระดาษ ทุกหน้าไป พลิกมาถึงหน้า 5 ก็หาเห็นมีลายลักษณ์อักษรใน หน้ากระดาษทั้ง ๖ นั้นไม่ จึงตรัสกับศีรษะว่า อย่างไรกัน นายแพทย์ผู้ประหลาด ไม่เห็นมีตัวหนังสืออะไรเลย ศีรษะพูด ว่า ขอพระองค์จงพลิกต่อไปสักสองสามหน้าเถิดพระเจ้าข้า พระราชาก็ทรงพลิกต่อไป ต้องใช้นิ้วพระหัตถแตะพระเขฬะ เรื่อยไปทุกหน้ากระดาษ ครั้นแตะซ้ําหลายครั้งเข้า พิษยาเบื่อ ซึ่งนายแพทย์ดูบันอาบไว้ที่หน้ากระดาษทุก ๆ หน้า ก็ซ่านเข้าใน เส้นโลหิตกลายเป็นพิษขึ้น พระราชาก็รู้สึกเสียวซ่านด้วยยาพิษ พระเนตรทั้งสองฝ่ามืดมัวแลไม่เห็นอะไรทันที ทรงพระกายไว้ไม่อยู่ ก็ล้มผางลงกลิ้งอยู่กับฐานบัลลังก์แล้วก็ชักดิ้นทุรนทุราย ไปมา

The post วิเซียร์ผู้ต้องโทษ appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
https://nekohimahime.online/2021/06/13/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%97%e0%b8%a9/feed/ 0
สามีกับนกแก้ว https://nekohimahime.online/2021/05/31/%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7/ https://nekohimahime.online/2021/05/31/%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7/#respond Mon, 31 May 2021 14:16:03 +0000 https://nekohimahime.online/?p=584 ชายผู้หนึ่งมีภรรยางาม หลงรักไม่ใคร่จะออกจาก บ้านไปห่างไกลเลย ชายผู้นั้นมีนกแก้วตัวหนึ่ง ฝึกสอนให้พูด ภาษาคนได้ชัดเจน เจ้าของรักใคร่นกแก้วของตนยิ่งนัก วันหนึ่งสามีต้องออกจากบ้านไปธุระเป็นหนทางไกลทั้งไปทั้งมาสามคืน จึงตระเตรียมสิ่งของและเสบียงอาหารสําหรับเดินทางไว้พร้อมก็เข้าไปหาภรรยาในห้อง ครั้นลาภรรยาเสร็จ แล้วก็เดินทางออกจากบ้านไป ฝ่ายนางภรรยารูปงาม เมื่อสามีลงเรือนไปก็คบชู้ทํานอกใจสามีตลอดทั้งสามคืน พอสามีกลับบ้านนางก็ออกมาต้อนรับด้วยอาการชื่นบานมีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พลางปราศรัยกับสามีว่าตั้งแต่เธอออกจากบ้านไป ฉันเป็นทุกข์อยู่เสมอรู้สึกว่าเหว่ใจมาก นั่งนอนนับวันนับคืนคอยอยู่มิได้ลืม บัดนี้เธอก็กลับมาแล้วฉันมีความยินดีอย่างยิ่งฉนมความยนดเป็นอย่างยิ่ง สามีได้ฟังดังนั้น ก็ยิ่งเพิ่มความรักฬคร่ขึ้นอีกอันมาก ถ้อยทีปราศรัยกันด้วยความรัก ครั้นถึงเวลาราตรีสามีกับนางเข้านอนตามเคย รุ่งขึ้นสามีตื่นตั้งแต่เช้าออกมาที่กรงนกแก้ว ๆ พลอดบอกความทชู้นอกใจของนางให้นายฟังสิ้นทุกประการ สามีจึงตัดพ้อต่อว่านางด้วยประการต่าง ๆ แต่นางปฏิเสธเถียงว่า เหตุไฉนเธอจึงพาชื่อหลงเชื่อนกแก้วสัตว์เดรัจฉานไม่รู้เดียงสา ฉันหรือรักเธอดังดวงใจ ที่จะนอกใจนั้นหาเป็นไปได้ไม่ สามีได้ฟังดังนั้นก็เชื่อ ครั้นอยู่ต่อมาไม่นานต้องเดินทางออกจากบ้านไปค้างคืนที่อื่นคืนหนึ่ง นางภรรยาคิดแค้นผูกใจ พยาบาทนกแก้วอยู่ เมื่อได้ช่องดังนั้นตกเวลากลางคืนจึงใช้ให้ ทาสคนหนึ่งเอาโม่มานั่งโม่อยู่ใต้กรงนกแก้ว ให้อีกคนหนึ่ง เอาน้ําสาดลงเหนือกรงนกทําเป็นเหมือนฝนตกให้คนที่สามเอา กระจกเงาส่องเข้ากับควงเทียน ฉายแสงให้สะท้อนกลับแวบวาบอยู่ รอบ ๆ กรงนกแก้ว ทาสทั้งสามก็ทําตามคําสั่งของนางตลอดคืน นกแก้วสําคัญว่าฝนตก แต่ก็หาผู้ใดเก็บเลื่อนกรงของมันเข้าร่ม ไม่ ต้องทนตากฝนกลัวฟ้าอยู่ตลอดคืนไม่เป็นอันหลับนอน ครั้นวันรุ่งขึ้น ชายผู้สามีกลับมา ก็ถามนกแก้วว่า ระหว่างเมื่อข้าไม่อยู่บ้าน มีเหตุการณ์สิ่งไรเกิดขึ้นบ้างหรือไม่ นกแก้วได้ยินนายถามดังนั้นจึงพลอดตอบว่า…

The post สามีกับนกแก้ว appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>


ชายผู้หนึ่งมีภรรยางาม หลงรักไม่ใคร่จะออกจาก บ้านไปห่างไกลเลย ชายผู้นั้นมีนกแก้วตัวหนึ่ง ฝึกสอนให้พูด ภาษาคนได้ชัดเจน เจ้าของรักใคร่นกแก้วของตนยิ่งนัก

วันหนึ่งสามีต้องออกจากบ้านไปธุระเป็นหนทางไกลทั้งไปทั้งมาสามคืน จึงตระเตรียมสิ่งของและเสบียงอาหารสําหรับเดินทางไว้พร้อมก็เข้าไปหาภรรยาในห้อง ครั้นลาภรรยาเสร็จ แล้วก็เดินทางออกจากบ้านไป

ฝ่ายนางภรรยารูปงาม เมื่อสามีลงเรือนไปก็คบชู้ทํานอกใจสามีตลอดทั้งสามคืน พอสามีกลับบ้านนางก็ออกมาต้อนรับด้วยอาการชื่นบานมีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พลางปราศรัยกับสามีว่าตั้งแต่เธอออกจากบ้านไป ฉันเป็นทุกข์อยู่เสมอรู้สึกว่าเหว่ใจมาก นั่งนอนนับวันนับคืนคอยอยู่มิได้ลืม บัดนี้เธอก็กลับมาแล้วฉันมีความยินดีอย่างยิ่ง
ฉนมความยนดเป็นอย่างยิ่ง

สามีได้ฟังดังนั้น ก็ยิ่งเพิ่มความรักฬคร่ขึ้นอีกอันมาก ถ้อยทีปราศรัยกันด้วยความรัก ครั้นถึงเวลาราตรีสามีกับนางเข้านอนตามเคย รุ่งขึ้นสามีตื่นตั้งแต่เช้าออกมาที่กรงนกแก้ว ๆ พลอดบอกความทชู้นอกใจของนางให้นายฟังสิ้นทุกประการ สามีจึงตัดพ้อต่อว่านางด้วยประการต่าง ๆ แต่นางปฏิเสธเถียงว่า เหตุไฉนเธอจึงพาชื่อหลงเชื่อนกแก้วสัตว์เดรัจฉานไม่รู้เดียงสา ฉันหรือรักเธอดังดวงใจ ที่จะนอกใจนั้นหาเป็นไปได้ไม่

สามีได้ฟังดังนั้นก็เชื่อ ครั้นอยู่ต่อมาไม่นานต้องเดินทางออกจากบ้านไปค้างคืนที่อื่นคืนหนึ่ง นางภรรยาคิดแค้นผูกใจ พยาบาทนกแก้วอยู่ เมื่อได้ช่องดังนั้นตกเวลากลางคืนจึงใช้ให้ ทาสคนหนึ่งเอาโม่มานั่งโม่อยู่ใต้กรงนกแก้ว ให้อีกคนหนึ่ง เอาน้ําสาดลงเหนือกรงนกทําเป็นเหมือนฝนตกให้คนที่สามเอา กระจกเงาส่องเข้ากับควงเทียน ฉายแสงให้สะท้อนกลับแวบวาบอยู่ รอบ ๆ กรงนกแก้ว ทาสทั้งสามก็ทําตามคําสั่งของนางตลอดคืน นกแก้วสําคัญว่าฝนตก แต่ก็หาผู้ใดเก็บเลื่อนกรงของมันเข้าร่ม ไม่ ต้องทนตากฝนกลัวฟ้าอยู่ตลอดคืนไม่เป็นอันหลับนอน

ครั้นวันรุ่งขึ้น ชายผู้สามีกลับมา ก็ถามนกแก้วว่า ระหว่างเมื่อข้าไม่อยู่บ้าน มีเหตุการณ์สิ่งไรเกิดขึ้นบ้างหรือไม่ นกแก้วได้ยินนายถามดังนั้นจึงพลอดตอบว่า ระหว่างเมื่อท่านไม่อยู่บ้านนั้น เกิดฝนตกฟ้าแลบและคะนองเสียงดังลั่น ข้าพเจ้าต้องอยู่กลางฝนทั้งคืน ได้รับความลําบากเหลือที่จะพรรณนาได้นายผู้หญิงไม่มีความสมเพชเวทนาข้าพเจ้าเลย ปล่อยให้ต้องทน ความลําบากทั้งความหนาวความกลัวอยู่คืนยังรุ่ง

ชายผู้สามีนางรู้อยู่ดีว่าในคืนวันนั้นหามีฝนไม่ แต่เหตุ ไฉนนกแก้วจึงแสร้งลงโทษภรรยาของตนว่าไม่มีความกรุณาปรานี ปล่อยให้ตากฝนอยู่ทั้งคืน จึงมาคํานึงอยู่แต่ในใจว่า นกแก้ว ตัวนี้มิได้กล่าวความจริงแน่แล้ว เช่นครั้งนี้ก็เห็นอยู่ชัดเจนว่ามัน แกล้งกล่าวเท็จ นี่หากว่าเราใจหนักแน่น หาไม่ก็คงเกิดเหตุการณ์ ใหญ่โตเสียตั้งแต่ครั้งเมื่อมันฟ้องหาว่าภรรยาเราทํานอกใจคราว นั้นแล้ว นกตัวนี้ชั่วช้ามาก ขึ้นเลี้ยงไว้ก็จะทําให้เราผิดพ้อง หมองใจกับภรรยาเราสักครั้งหนึ่ง จักต้องสังหารมันเสียจึงจะชอบ เมื่อนึกตกลงใจเช่นนั้นกสอดมือเข้าไปจับนกแก้วออกมาจากกรง ไม่รีรอฟาดลงกับพื้น นกแก้วก็ถึงแก่ความตาย

อยู่ต่อมา ภรรยาของชายผู้นั้นลอบทําชั้นอกใจสามีอยู่ เนื่อง ๆ ครั้นสามีรู้ตระหนักแน่จึงรู้สึกว่า ตนใจเร็วหุนหัน พลันแล่นเบาความคิด ฆ่านกแก้วที่รักและซื่อสัตย์เสีย มีความ เสียใจเป็นอันมาก

พอชาวประมงเล่านิยายมาถึงเพียงนี้แล้ว จึงพูดกับ ปีศาจว่า เมื่อกษัตริย์กรีกทรงเล่านิยายเรื่องนกแก้วจบลงแล้ว จึงตรัสกับแกรนด์วิเชียร์ว่า ท่านอิจฉาดูบัน ซึ่งมิได้มุ่งร้าย

ต่อเราเลย อยู่ดีๆ ก็ยุให้ฆ่าเขาเสีย เราหาเชื่อไม่ เราจะต้องระวังตัวสะกดใจให้จงมาก หน่อยจะเป็นเช่นเดียวกับชายผู้สามีซึ่งพอกลับคิดได้สิ ได้ทําผิดเสียจนแก้ไขไม่ได้แล้ว

ฝ่ายแกรนด์วิเชียรพยายามเพ็ดทูลต่อไปว่า เรื่องนี้ขอ พระองค์จงทรงพิจารณาใคร่ครวญดูให้ถ่องแท้เถิด ซึ่งข้าพเจ้า กราบทูลเตือนพระสติทั้งนี้ หาใช่ว่าจะมีความอิจฉาริษยา นายแพทย์ดูบันประการไรมีได้ แต่หากความจริงเป็นเช่นนั้น จึงต้องกราบทูลให้ทรงทราบ เพื่อเป็นหนทางป้องกันภัยอันตราย อันจะบังเกิดแต่พระองค์ ที่พระองค์ทรงชักนิยายเรื่องนกแก้วมา เทียบเคียง ให้เห็นโทษความมีใจเร็วเบาความคิดนั้น ก็เป็น พระกรุณาอย่างยิ่ง แต่ข้อความที่ข้าพเจ้ากราบทูลนี้เป็นความจริง ขอพระองค์อย่าทรงระแวงพระทัยเลย การที่ข้าพเจ้ากราบทูล เตือนพระสติอยู่มิรู้วายฉะนี้ ก็เพราะเกรงว่าจะได้รับโทษอัน ใหญ่หลวง เช่นเดียวกับวิเซียร์ผู้หนึ่งได้รับแล้วในสมัยก่อน

กษัตริย์กรีกตรัสถามว่า วิเชียร์ผู้นั้นมีความคิดเป็นประการไร จึงต้องโทษ แกรนดวิเชียรจึงกราบทูลว่า ขอพระองค์จงทรงสดับนิยายซึ่งข้าพเจ้าจะถวาย ณ บัดนี้เิดพระเจ้าข้า

The post สามีกับนกแก้ว appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
https://nekohimahime.online/2021/05/31/%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7/feed/ 0
กษัตริย์กรีกกับนายแพทย์ดูบัน https://nekohimahime.online/2021/05/31/%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8%97%e0%b8%a2/ https://nekohimahime.online/2021/05/31/%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8%97%e0%b8%a2/#respond Mon, 31 May 2021 13:54:27 +0000 https://nekohimahime.online/?p=578 มีกษัตริย์ชาวกรีก ครองราชสมบัติในแคว้นซูมานแห่ง ประเทศอิหร่าน พระองค์มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล อมาตย์ ราชบริพารและทวยนาครล้นหลามล้วนแล้วด้วยชนชาติกรีก แต่พระองค์มีโรคเรื้อนเบียดเบียนพระกายอยู่ เป็นเวลานับได้หลายปี แพทย์หลวงประจําพระองค์ พยายามประกอบโอสถถวายทุกขนานแล้ว พระอาการก็หาทุเลาลงไม่ใช่แต่เท่านั้น แพทย์หลวงยัง ใช้วิธีอาคมเสกเป่า แต่หาเป็นประโยชน์ไม่ พระอาการมีแต่ ทรงกับทรุดลงเสมอ แพทย์หลวงต่างคนจนปัญญามรู้ที่จะทํา ประการไรเป็นอันหมดหวังที่จะรักษาให้หายได้ พระราชาก็ ทอดอาลัยในพระชนม์ เฝ้าแต่รอคอยเวลาอยู่ว่า วันไหนจึงจะถึง ซึ่งลิขิตพระอาหล่าผู้เป็นเจ้าทรงตราไว้ จะได้รอดพ้นจากการ ทรมานพระกายอยู่ด้วยความลําบาก ครั้งนั้นมีหมอวิเศษชื่อดูบันเข้ามาสู่ราชสํานักกษัตริยกรีก ดูบันได้เรียนรู้คัมภีร์แพทย์ภาษาต่าง ๆ มีกรีก ละติน อิหร่าน อาหรับ ตุรกี และยิว เพราะฉะนั้น จึงเป็นผู้มีความรู้ในทาง แพทย์ศาสตร์อย่างวิเศษ พอทราบข่าวประชวรของพระราชา และแพทย์หลวงไม่สามารถรักษาให้หายได้ ก็ขออนุญาตเฝ้าและทราบทูลว่า ข้าพเจ้าทราบกิตติศัพท์ว่าพระองค์ประชวรหนัก แพทย์หลวงทั้งหลายไม่สามารถบําบัดพระโรคให้หายได้ ถ้าพระองค์ทรงกรุณา ข้าพเจ้าจะขอฉลองพระบาท ครั้นแล้วนายแพทย์ ดูบันก็ตรวจดูพระอาการ เห็นว่าพอจะรักษาหายจึงกราบทูลว่า พระอาการของพระองค์ ซึ่งเหลือสติปัญญาความสามารถของ แพทย์หลวงนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่หนักนักมได้พอจะอาสาบําบัด พระโรคให้หายเป็นปกติโดยรวดเร็ว โดยมิพักต้องประกอบพระ โอสถถวายภายในหรือภายนอกประการไร พระราชาดีพระหฤทัย…

The post กษัตริย์กรีกกับนายแพทย์ดูบัน appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
มีกษัตริย์ชาวกรีก ครองราชสมบัติในแคว้นซูมานแห่ง ประเทศอิหร่าน พระองค์มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล อมาตย์ ราชบริพารและทวยนาครล้นหลามล้วนแล้วด้วยชนชาติกรีก

แต่พระองค์มีโรคเรื้อนเบียดเบียนพระกายอยู่ เป็นเวลานับได้หลายปี แพทย์หลวงประจําพระองค์ พยายามประกอบโอสถถวายทุกขนานแล้ว พระอาการก็หาทุเลาลงไม่ใช่แต่เท่านั้น แพทย์หลวงยัง ใช้วิธีอาคมเสกเป่า แต่หาเป็นประโยชน์ไม่ พระอาการมีแต่ ทรงกับทรุดลงเสมอ แพทย์หลวงต่างคนจนปัญญามรู้ที่จะทํา ประการไรเป็นอันหมดหวังที่จะรักษาให้หายได้ พระราชาก็ ทอดอาลัยในพระชนม์ เฝ้าแต่รอคอยเวลาอยู่ว่า วันไหนจึงจะถึง ซึ่งลิขิตพระอาหล่าผู้เป็นเจ้าทรงตราไว้ จะได้รอดพ้นจากการ ทรมานพระกายอยู่ด้วยความลําบาก

ครั้งนั้นมีหมอวิเศษชื่อดูบันเข้ามาสู่ราชสํานักกษัตริยกรีก ดูบันได้เรียนรู้คัมภีร์แพทย์ภาษาต่าง ๆ มีกรีก ละติน อิหร่าน อาหรับ ตุรกี และยิว เพราะฉะนั้น จึงเป็นผู้มีความรู้ในทาง แพทย์ศาสตร์อย่างวิเศษ พอทราบข่าวประชวรของพระราชา และแพทย์หลวงไม่สามารถรักษาให้หายได้ ก็ขออนุญาตเฝ้าและทราบทูลว่า ข้าพเจ้าทราบกิตติศัพท์ว่าพระองค์ประชวรหนัก แพทย์หลวงทั้งหลายไม่สามารถบําบัดพระโรคให้หายได้ ถ้าพระองค์ทรงกรุณา ข้าพเจ้าจะขอฉลองพระบาท ครั้นแล้วนายแพทย์ ดูบันก็ตรวจดูพระอาการ เห็นว่าพอจะรักษาหายจึงกราบทูลว่า พระอาการของพระองค์ ซึ่งเหลือสติปัญญาความสามารถของ แพทย์หลวงนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่หนักนักมได้พอจะอาสาบําบัด พระโรคให้หายเป็นปกติโดยรวดเร็ว โดยมิพักต้องประกอบพระ โอสถถวายภายในหรือภายนอกประการไร


พระราชาดีพระหฤทัย ตรัสกับนายแพทย์ดูบันว่า ถ้า ท่านมีความชํานาญและรักษาเราให้หายได้อย่างว่าแล้ว จะปูน บําเหน็จให้ถึงขนาด ครั้นแล้วนายแพทย์ดูบันถวายบังคมลาออก จากที่เฝ้ากลับไปเตรียมทําไม้ตีคลีอันหนึ่ง มีด้ามกลวงยาว ภาย ในด้ามมียาบรรจุไว้ที่ตรงมือถือ ทําบางคอดเพื่อให้พิษยาแล่น ออกได้ เสร็จแล้วก็นําเข้าไปถวายกราบทูลว่า ขอเชิญเสด็จออก มาตีคลี ณ บัดนี้เถิด พระราชาปฏิบัติตาม นายแพทย์ดูบันก็ถวาย ไม้ตีคลีด้ามยาพลางทูลว่า ขอพระองค์จงทรงเล่นตีคลีสักพักใหญ่ ให้พระเสโทไหลซาบอาบไปทั้งพระกายแล้วจึงค่อยเลิก เพราะ ข้าพเจ้าได้บรรจุยาไว้ภายในด้ามไม้คลี เมื่อยาได้รับไอความร้อน จากพระหัตถ์พิษยากจะซาบซ่านเข้าไปในกาย เมื่อพระองค์

เสร็จการกีฬาแล้ว จงรีบกลับไปสรงน้ําชําระพระกายด้วยน้ําอุ่น แล้วเสด็จเข้าที่บรรทม รุ่งขึ้นพรุ่งนี้พระองค์จะหายเป็นปกติ


พระราชาก็ปฏิบัติตามคําแนะนําของนายแพทย์ดูบันทุกประการ ครั้นเมื่อตื่นจากบรรทมในเวลาเช้าวันรุ่งขึ้นหาเห็นร่องรอยโรคเรื้อน ที่เบียดเบียนพระองค์มาเป็นเวลาหลายปีนั้น รู้สึก พระองค์ราวกับว่ามิได้เคยมีโรคภัยสิ่งไรมายายี มีความสําราญ กายเป็นผาสุก ครั้นพระองค์ทรงเครื่องกษัตริย์เสร็จก็เสด็จออกขุนนางข้างหน้า ข้าเฝ้าน้อยใหญ่ถวายบังคมแล้วก็พากันชมบุญบารมี เจ้าของตนเอง นึกประหลาดมหัศจรรย์ใจชมความสามารถของ นายแพทย์ดูบัน และต่างก็แสดงความร่าเริงใจตามกัน


ขณะนั้น นายแพทย์ดูบันคลานเข้าไปกราบลงแทบฝ่าพระบาท แล้วกหมอบคอยฟังรับสั่ง พระราชาเหลือบเห็นเข้าก็ตรัสเรียกให้ขึ้นนั่งร่วมอาสน์ พลางตรัสชมเชยมากมาย ต่อหน้าเสนาข้าราชการ ในวันนั้นพระองค์ได้รับสั่งให้จัดโต๊ะ เลี้ยงกันเป็นขนานใหญ่ในพระราชวัง เป็นเกียรติยศแก่นาย แพทย์วิเศษ ตรัสเรียกให้ดูกันเข้านั่งร่วมโต๊ะเสวยด้วย

ครั้นเสร็จการเลี้ยงแล้ว ก็พระราชทานเครื่องยศให้นายแพทย์ดูบันเป็นอมาตย์ผู้ใหญ่ และพระราชทานเงินทองสิ่งของเครื่องอุปโภคเป็นอันมาก ต่อจากนั้นมานายแพทย์ดูบันก็ได้เป็นอมาตย์ที่โปรดปรานของกษัตริย์กรีก เข้านอกออกในได้เสมอ พระราชา ก็แสดงความเมตตาปรานี โปรดปรานยิ่งขึ้นทุกวัน ถึงกับบางครั้งพระองค์ทรงเข้าสวมกอดด้วยความยินดีต่อหน้าพวกข้าราชการ ด้วยทรงเห็นทรัพย์สมบัติและยศศักดิ์ที่พระราชทานเป็นรางวัลนั้น ถึงจะมากมายสักเพียงไรก็ยังไม่เพียงพอแก่ที่จะสนองคุณความดี ฉะนั้น พระองค์จึงแสดงความเมตตารักใคร่รู้คุณอยู่ทุกวัน เหล่า ขุนนางน้อยใหญ่มีความนอบน้อมยาเกรงนายแพทย์ดูบันตัวโปรด ของพระราชาอยู่ทั่วกัน

ในราชสํานักพระราชากรีกคนนั้น มีแกรนด์วิเชียร์คน หนึ่งเป็นคนอิจฉาพยาบาทอาฆาตจองเวรต่าง ๆ เมื่อเห็นพระราชา โปรดปรานพระราชทานรางวัลแก่ดูบันครั้งไร ก็นึกอิจฉาอยู่ทุกครั้งมิได้ขาด ส่วนพระราชาเล่าก็มีพระหฤทัยอ่อนแอทรง เชื่อคํายุโยงโดยง่าย นึกจะโปรดผู้ใดก็มิพักที่จะทรงดําริให้รอบคอบ พระนิสัยอันนี้เป็นปัจจัยให้บังเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้น ฝ่ายแกรนด์วิเซียร์ ของพระองค์ก็ตั้งความพยาบาทมุ่งร้ายเผ่ายุยงให้ พระองค์เกลียดชังดูบัน ถ้ามีช่องกราบทูลยุยงประการไร ก็ขอเข้าเฝ้าเฉพาะพระองค์เสมอ

วันหนึ่งกราบทูลพระองค์ราชาว่า พระองค์งวยงงหลงรักใคร่โปรดปรานแพทย์ดูบัน พระราชทาน ยศศักดิ์เงินทอง แต่งตั้งให้เป็นใหญ่เป็นโต มีอํานาจว่าการโดยเด็ดขาด เท่ากับเป็นผู้สำเร็จราชการเป็นคนแทนพระองค์นั้น พระองค์มิเคยทรงระแวงบ้างหรือว่านายแพทย์ดูบันมีวิชาวิเศษ รักษาพระองค์ให้หายได้โดยง่ายดาย เมื่อกระนี้ยังจะมีข้อสงสัย ประการไรที่จะมีให้ชวนคิดว่า จะให้ใช้วิชาวิเศษปลงพระชนม์ แย่งราชสมบัติของพระองค์เสียด้วย

ในชั้นต้น พระราชามิได้ทรงเชื่อคํายุยงของแกรนด์ วิเซียร์ ตรัสเชิงพิโรธว่า ทําไมเจ้าบังอาจมาพูดเช่นนี้ วิเซียร์ จงเข้าใจนะว่าเวลานี้เจ้าพูดกับใคร ถ้าขึ้นพูดเช่นนี้ต่อไป เราจะลงโทษเจ้า แกรนด์วิเชียรเห็นพระราชากริ้วอยู่ก็ยับยั้งเสีย

ครั้นอยู่ต่อมาไม่นานนัก ก็หาช่องเพ็ดทูลได้อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้กราบทูลว่าตำแหน่งที่ข้าพเจ้าสำหรับจะคอยป้องกันมิให้เกิดเหตุเภทภัยแด่พระองค์ได้ ถ้าและเมื่อไรข้าพเจ้าเพิกเฉยมินําพาเอาใจใส่สอดส่องดูความเป็นไปในพระองค์ และถ้ามีเหตุภัยเกิดขึ้นแด่พระองค์โทษข้าพเจ้าต้องถึงตาย บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นเหตุการณ์ร้ายกาจจะเกิดแด่พระองค์ จึงได้พยายามกราบทูลครั้งหนึ่งแล้วพระองค์คาดโทษไว้ แต่ข้าพเจ้าก็ยอมสละชีวิตเลือดเนื้อเป็นราชพลี ขึ้นกราบทูลพระองค์อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้พระราชอาญาไม่พ้นเกล้า ฯ ขอมถวายชีวิตในข้อที่พยายาม กราบทูลให้พระองค์ทรงเห็นภัยอันตราย ดีกว่าที่จะต้องตาย เพราะความเพิกเฉยละเลยไม่นําพาในพระองค์ ข้อที่จะกราบทูล คราวนี้ก็เช่นเดียวกับคราวก่อน ขอพระองค์อย่าได้ทรงไว้วางพระหฤทัยนายแพทย์ดูบันให้มากนัก ถ้าพระองค์ไม่ทรงเชื่อแล้ว เห็นว่าภัยจะเกิดแต่พระองค์เป็นแม่นมั่น

แม้พระราชามีพระหฤทัยอ่อนแอ กอปรด้วยพระนิสัย เชื่อง่าย ดังที่กล่าวแล้วก็ดี แต่พระองค์ก็ยังหาเชื่อถ้อยคําแกรนด์วิเชียรของพระองค์ไม่ ดํารัสว่า เรายังไม่เห็นมีเหตุผล อันใดพอที่จะเชื่อฟังคําของท่านได้ นายแพทย์ดูบันคนนี้มีบุญคุณ อยู่กับเราอย่างไร ท่านก็ย่อมเห็นแล้ว ไฉนท่านยังจะขึ้นกล่าว ว่าเขาจะคิดคดทรยศต่อเราเล่าเห็นจะเป็นไปไม่ได้ ถ้ามีใจคิดร้ายต่อเราไซร้ เหตุไฉนจึงช่วยชีวิตเราไว้ เราหาเชื่อท่านไม่ ตั้งแต่บัดนี้ไป เราจะไม่ฟังคําของท่านในเรื่องหมอดูบันอีก ถ้าเราขึ้นนั่งและเชื่อถือถ้อยคําของท่าน เราก็จะมีลักษณะไม่แปลกอะไรกับชายสามีนางผู้นอกใจทําโทษนกแก้วของตน


ฉะนั้น พระดํารัสของพระราชากรีกตอนนี้ ทําให้แกรนด์วิเซียร์ นึกฉงนอยู่ ใครจะทราบเรื่องชายสามีกับนกแก้ว จึงได้ทูลถามว่าข้าพเจ้าใครจะทราบว่า เรื่องราวที่ชายสามีของนางภรรยา ผู้นอกใจได้ทําโทษนกแก้วเป็นอย่างไร ขอพระองค์จึงได้กรุณาเล่าให้ข้าพเจ้านั่งบ้าง พระราชาจึงเริ่มเล่าเรื่องสามีกับนกแก้ว,

The post กษัตริย์กรีกกับนายแพทย์ดูบัน appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
https://nekohimahime.online/2021/05/31/%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8%97%e0%b8%a2/feed/ 0
ชายชรากับสุนัขดํา https://nekohimahime.online/2021/05/22/%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b9%8d%e0%b8%b2/ https://nekohimahime.online/2021/05/22/%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b9%8d%e0%b8%b2/#respond Sat, 22 May 2021 11:18:09 +0000 https://nekohimahime.online/?p=544 ข้าแต่พญาผี สุนับดำสองตัวซึ่งอยู่ต่อหน้าท่าน บัดนี้เป็นน้องร่วมท้องบิดาเดียวกันกับข้าพเจ้า เมื่อบิดาของเราถึงแก่ความตายมีมรดกเหลืออยู่สักสามพันสิกวิน แบ่งกันคนละพันสิกวิน ภายหลังได้เอาทรัพย์นั้นรวมกันเข้าเป็นก้อนเดียวลงทุนทําการค้าขาย เมื่อเริ่มลงมือทํานับว่าพอจะหาความเจริญได้ในภายหน้า แต่ยังไม่มีท่าทางว่าจะร่ำรวยได้โดยเร็วพลันทันใจนัก อยู่ต่อมาไม่ช้าน้องชายคนรองข้าพเจ้าลงมา เกิดมีความโลภขึ้นคิดจะค้าขายหากําไรให้ร่ำรวยโดยรวดเร็ว ซึ่งจะทําการค้าขายได้กําไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างที่เราแรกลงมือทํานั้นเขาไม่เห็นด้วย เขาบอกความประสงค์ว่าจะไปค้าขายตามหัวเมืองไกล ข้าพเจ้ายอมแบ่งทรัพย์ส่วนของเขาให้ไป เขาจัดซื้อสินค้าที่เหมาะกับพื้นเมืองที่จะไปค้าเสร็จแล้วก็ออกเดินทางนำสินค้าไปตามลำพัง ส่วนข้าพเจ้ากับน้องชายอีกคนหนึ่ง ยังคงออกร้านค้าขายอยู่ตามเดิม ได้กําไรทีละเล็กน้อยแล้วก็ซื้อสินค้าเข้าเพิ่มเติมอีก ทําอยู่ ดังนั้นจนได้กําไรเพิ่มทุนเดิมเข้าอีกสักสองพันสิกวินเศษ อยู่ต่อมาอีกสักปีหนึ่ง น้องชายของข้าพเจ้ากลับจากค้าขายเมืองไกล แต่กลายเป็นยาจกเข็ญใจ มีเครื่องแต่งตัวขาดวิ่น ข้าพเจ้าดูแต่ไกลจําไม่ได้ คงเข้าใจเพียงว่าคนขอทานคนหนึ่ง พอเดินเข้ามาใกล้เขานั่งลงที่หน้าร้าน ข้าพเจ้าสงสัยว่าคนขอทาน จึงพูดโดยความสงสารครั้นแล้วเขากล่าวว่า ขอเดชะพระอะหล่า จงช่วยท่านด้วยเถิด ท่านจําข้าพเจ้าไม่ได้หรือ ครั้นได้ยินและเพางดูหน้า จำได้ว่าน้องชายก็ตรงเข้ากอดแล้วกล่าวว่าน้องรักดอกหรือ ทำไมจึงมีอาการผิดแลกไปถึงเพียงนี้ แต่แรกที่พี่จำเจ้าไม่ได้ ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็รับเขาเข้าไปในร้านไต่ถามถึงเหตุการณ์และผลแห่งการค้าขายว่าเป็นอย่างไร จึงทําให้กลายเป็นยาจกเข็ญใจถึงเพียงนั้น เขาตอบว่า ซึ่งจะให้เล่าความหลังให้ฟังนั้น เหลือที่จะกลั้นความทุกข์โศกได้ ข้าพเจ้าสงสารจึงจัดแบ่งทรัพย์ให้เขาอีกพันสิกวิน แล้วพูดเอาใจด้วยความปรานีว่า น้องรัก เจ้าจงรับเอาเงินพันสิกวินนี้แล้วจงลืมความเสียหายของเจ้าเสียเถิด เขารับเอาเงินนั้นทําทุนค้าขายอยู่กับบ้านเมืองอย่างเดิม อยู่มาไม่นาน น้องชายคนสุดท้องเกิดอยากจะแสวงหากําไรในการไปค้าขายเมืองไกลอีก ข้าพเจ้ากับพี่คนที่สองห้ามปรามก็หาฟังไม่ จําเป็นต้องขายสินค้าที่เป็นส่วนของเขาเสียสิ้น เอาเงินซื้อสินค้าต่าง ๆ…

The post ชายชรากับสุนัขดํา appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>

ข้าแต่พญาผี สุนับดำสองตัวซึ่งอยู่ต่อหน้าท่าน บัดนี้เป็นน้องร่วมท้องบิดาเดียวกันกับข้าพเจ้า เมื่อบิดาของเราถึงแก่ความตายมีมรดกเหลืออยู่สักสามพันสิกวิน แบ่งกันคนละพันสิกวิน ภายหลังได้เอาทรัพย์นั้นรวมกันเข้าเป็นก้อนเดียวลงทุนทําการค้าขาย เมื่อเริ่มลงมือทํานับว่าพอจะหาความเจริญได้ในภายหน้า แต่ยังไม่มีท่าทางว่าจะร่ำรวยได้โดยเร็วพลันทันใจนัก

อยู่ต่อมาไม่ช้าน้องชายคนรองข้าพเจ้าลงมา เกิดมีความโลภขึ้นคิดจะค้าขายหากําไรให้ร่ำรวยโดยรวดเร็ว ซึ่งจะทําการค้าขายได้กําไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างที่เราแรกลงมือทํานั้นเขาไม่เห็นด้วย เขาบอกความประสงค์ว่าจะไปค้าขายตามหัวเมืองไกล ข้าพเจ้ายอมแบ่งทรัพย์ส่วนของเขาให้ไป เขาจัดซื้อสินค้าที่เหมาะกับพื้นเมืองที่จะไปค้าเสร็จแล้วก็ออกเดินทางนำสินค้าไปตามลำพัง ส่วนข้าพเจ้ากับน้องชายอีกคนหนึ่ง ยังคงออกร้านค้าขายอยู่ตามเดิม ได้กําไรทีละเล็กน้อยแล้วก็ซื้อสินค้าเข้าเพิ่มเติมอีก ทําอยู่ ดังนั้นจนได้กําไรเพิ่มทุนเดิมเข้าอีกสักสองพันสิกวินเศษ

อยู่ต่อมาอีกสักปีหนึ่ง น้องชายของข้าพเจ้ากลับจากค้าขายเมืองไกล แต่กลายเป็นยาจกเข็ญใจ มีเครื่องแต่งตัวขาดวิ่น ข้าพเจ้าดูแต่ไกลจําไม่ได้ คงเข้าใจเพียงว่าคนขอทานคนหนึ่ง พอเดินเข้ามาใกล้เขานั่งลงที่หน้าร้าน ข้าพเจ้าสงสัยว่าคนขอทาน จึงพูดโดยความสงสารครั้นแล้วเขากล่าวว่า ขอเดชะพระอะหล่า จงช่วยท่านด้วยเถิด ท่านจําข้าพเจ้าไม่ได้หรือ ครั้นได้ยินและเพางดูหน้า จำได้ว่าน้องชายก็ตรงเข้ากอดแล้วกล่าวว่าน้องรักดอกหรือ ทำไมจึงมีอาการผิดแลกไปถึงเพียงนี้ แต่แรกที่พี่จำเจ้าไม่ได้

ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็รับเขาเข้าไปในร้านไต่ถามถึงเหตุการณ์และผลแห่งการค้าขายว่าเป็นอย่างไร จึงทําให้กลายเป็นยาจกเข็ญใจถึงเพียงนั้น เขาตอบว่า ซึ่งจะให้เล่าความหลังให้ฟังนั้น เหลือที่จะกลั้นความทุกข์โศกได้ ข้าพเจ้าสงสารจึงจัดแบ่งทรัพย์ให้เขาอีกพันสิกวิน แล้วพูดเอาใจด้วยความปรานีว่า น้องรัก เจ้าจงรับเอาเงินพันสิกวินนี้แล้วจงลืมความเสียหายของเจ้าเสียเถิด เขารับเอาเงินนั้นทําทุนค้าขายอยู่กับบ้านเมืองอย่างเดิม

อยู่มาไม่นาน น้องชายคนสุดท้องเกิดอยากจะแสวงหากําไรในการไปค้าขายเมืองไกลอีก ข้าพเจ้ากับพี่คนที่สองห้ามปรามก็หาฟังไม่ จําเป็นต้องขายสินค้าที่เป็นส่วนของเขาเสียสิ้น เอาเงินซื้อสินค้าต่าง ๆ ซึ่งจะเอาไปค้าหัวเมืองที่เขาจะไป ครั้นจัดสินค้าเสร็จก็ออกเดินทางไปกับพวกคาราวานพอล่วงเวาลามาสัก ๑ ปี เขาก็ยากจนกลับมาเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา

ข้าพเจ้าสงสาร จึงจัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ แล้วแบ่งเงินให้เป็นทุนอีกพันหนึ่งเหมือนกับน้องคนแรก พอได้เงินไปเขาก็เปิดร้านค้าหากําไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามอย่างข้าพเจ้า ต่อมาเลิกคิดขวนขวาย หากําไรโดยความโลภอยู่นาน

อยู่มาหลายปี น้องชายทั้งสองชวนข้าพเจ้าไปค้าขายต่างเมืองกับเขน ขั้นต้นข้าพเจ้าปฏิเสธไม่เห็นด้วย ทั้งสองก็พยายามชักชวนให้ลองไปดูสักครั้ง ชวนอยู่เป็นเวลาหลายเดือนในที่สุดข้าพเจ้ายอมตามความเห็นของเขา ในระหว่างเวลาที่เตรียมการและจัดหาสินค้าไปขายนั้น ได้ความว่าน้องชายทั้งสองได้ค้าขายขาดทุนแทบหมดตัว ข้าพเจ้าก็ไม่ดุด่าว่ากล่าวเขาแต่ประการใด กลับจัดรวบรวมทุนกําไรของข้าพเจ้าทั้งสิ้นได้หกพันสิกวิน แบ่งให้น้องทั้งสองคนละหนึ่งพัน ส่วนของข้าพเจ้าพันหนึ่ง เหลืออีกสามพันสิกวินเก็บฝังไว้ที่ลับ เผื่อไปค้าขายทางหัวเมืองไกลขาดทุน จะได้เอาทุนที่ตั้งไว้ทําการค้าขายหากําไรเลี้ยงตัวไปเหมือนแต่ก่อน

ครั้นเราทั้งสามพี่น้องจัดซื้อสินค้าได้ครบแล้ว ก็เอาลงบรรทุกเรือ พอมีลมมากใช้ใบไปโดยสวัสดิภาพ แล่นเรือไปประมาณเดือนหนึ่งมาถึงท่าเมืองแรก ขายสินค้าได้กําไรงามดี ครั้งแล้ว ก็จัดหาสินค้าพื้นเมืองนั้นบรรทุกเรือจะเอากลับมาค้าเมืองเรา ขณะที่เตรียมสินค้าจากท่าเรือนั้น ข้าพเจ้าบังเอิญเดินไปพบหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ริมชายฝั่งทะเล ในที่ใกล้กับที่เราจอดเรือ นางมีรูปร่างงดงามแต่มีเครื่องแต่งกายเก่า สกปรกขาดวิ่น พอนางเหลือบเห็นข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นเดินตรงเข้ามา จับมือขึ้นจูบพลาง ทักทายปราศรัยเหมือนอย่างรู้จักกันมาแต่ก่อน วิงวอนขอให้ข้าพเจ้าแต่งงานกับนาง ข้าพเจ้าตกลงว่าจะรับเลี้ยง นางเป็นภรรยา จึงจัดหาซื้อเสื้อใหม่ ๆ ที่งดงามให้ แล้วก็ทําการวิวาห์กันตามประเพณี นางก็ลงเรือใช้ใบออกทะเลใหญ่มากับเราสามพี่น้อง

ระหว่างที่เรือแล่นเดินทางมาในทะเลใหญ่ ข้าพเจ้าได้เห็นคุณงามความดีของภรรยาหลายประการ ทําให้รู้สึกรักใคร่นางมากขึ้นทุกวัน ฝ่ายน้องของข้าพเจ้าทั้งสองนั้น ถึงแม้ ค้าขายได้กําไรร่ำรวยเช่นเดียวกับข้าพเจ้า แต่ก็หาหมดความโลภไม่ มีความริษยาข้าพเจ้าในข้อที่ได้โชคลาภดีกว่าเขามากขึ้นเป็นลําดับตั้งแต่ออกเรือมา ในที่สุด คิดจะเอาชีวิตข้าพเจ้าเสีย เพื่อจะเอาทรัพย์สมบัติแบ่งกันสองคน

คืนหนึ่งข้าพเจ้ากำลังนอนหลับอยู่กับภรรยา พี่น้องทั้งสองช่วยกันจับข้าพเจ้ากับนางโยนทิ้งลงในทะเล แต่เราทั้งสองไม่เป็นอันตราย ด้วยว่าภรรยาของข้าพเจ้าเป็นนางพราย มีอํานาจเหนือกว่ามนุษย์สามัญ เมื่อน้องชายจับเราทั้งสองโยนลงมาจากเรือนั้น ภรรยาของข้าพเจ้าฉวยรับข้าพเจ้าไว้ได้มิทันให้แตะต้องน้ำทะเลเลย แล้วอุ้มพาข้าพเจ้าตรงไปเกาะแห่งหนึ่ง นางวางลงแล้วเราพากันนอนหลับไป

พอเวลารุ่งสาง นางปราศรัย ว่า ท่านคงจะเห็นแล้วว่าข้าพเจ้าได้ช่วยชีวิตท่านไว้ในคราวนี้ทั้งนี้เป็นการทดแทนบุญคุณที่ท่านรับข้าพเจ้าไว้เป็นภริยา ข้าพเจ้าเป็นนางพรายหาใช่มนุษย์ไม่ เมื่อท่านแรกพบนั้นเป็นเวลาที่ข้าพเจ้าขึ้นไปเที่ยวเล่นบนบก แต่พอข้าพเจ้าเห็นก็รักใคร่ท่านมาก และท่านก็ได้รับรักสมความปราถนาจึงรู้สึกบุญคุณท่านเป็นอันมาก คอยหาโอกาสจะตอบแทนคุณท่านอยู่ พูดพลางหยอกเอินกันนอนหลบไป ตื้นขึ้นนางก็อุ้มข้าพเจ้าเหาะจากเกาะนั้นมาขึ้นเรือน พอนางวางข้าพเจ้าลงแล้วก็หายวับไป

ในวันนั้นข้าพเจ้าขุดเงินสามพันสิกวินที่ฝั่งไว้ แล้วเปิดร้านค้าขายเหมือนแต่ก่อน อยู่ต่อมาไม่ช้าข้าพเจ้าเห็นสุนัขดํา สองตัวนี้เดินตรงรี่เข้ามาหาทําท่าอ่อนน้อมตามนิสัยสัตว์ ยังมิทันที่ข้าพเจ้าจะนึกประการไร นางพรายซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันนำข้าพเจ้าเหาะมาส่งบ้าน ก็แสดงกายปรากฏขึ้นโดยพลันแล้ว กล่าวว่า สามีที่รักของข้าพเจ้าขออย่าได้ประหลาดใจเลย สุนัข ตาสองตัวนี้ คือน้องชายผู้เนรคุณท่าน ข้าพเจ้าโกรธแค้น เขายิ่งนักซึ่งมิได้ชื่อตรงรู้คุณท่าน พอข้าพเจ้าอุ้มท่านมาส่ง แล้วกลับไปคุมเรือมา แต่ครั้นจะเอาเขาโยนทะเลเสียก็สงสารอยู่จึงได้สาปเสีย เขาจะต้องเอารูปเป็นสุนัขดำอยู่เช่นนี้มีกำหนด ๑๐ ปี แล้วข้าพเจ้าจึงจะแก้คําสาป ทั้งนี้เป็นการลงโทษเขาสําหรับความไม่ซื่อสัตย์กตัญญู ตลอดเวลา ๑๐ ปีนี้ จะต้องอาศัยให้ท่านเลี้ยงดูเขาคงจะรู้สึกบุญคุณของพี่และไม่ลืม ต่อไปจะได้ไม่เนรคุณอีก ส่วนเรือสินค้าและข้าวของ ๆท่านนั้นอยู่ที่ท่าเมืองนี้ ท่านจงไปรับเอาเถิด พูดเท่านั้นแล้ว นางก็หายวับไป

บัดนี้กาลล่วงมาได้ ๑๐ ปีแล้ว ข้าพเจ้าจึงเที่ยวออกค้นหานาง เพื่อจะขอให้นางแก้คําสาป เมื่อเดินผ่านมาทางนี้พบนายพาณิชนั่งสนทนาอยู่กับผู้เฒ่าผู้จูงเนื้อทราย จึงได้หยุดทักถาม ความดู เมื่อเขาเล่าให้ข้าพเจ้านั่งก็นึกสงสารเขายิ่งนัก จึงคอยดูความตายของเขาอยู่ ต่อจากนั้นไปท่านก็ทราบความอยู่แล้ว นิยายของข้าพเจ้าอย่างเล่านี้แหละ ท่านไม่เห็นเป็นเรื่องประหลาดหรือ

สุลตานาเชเฮอร์ซาเดทูลสุลต่านว่า ข้าแต่พระองค์ฝ่ายโขมดไพร(ผีไพร)ยืนฟังนิยายของชราเพลินอยู่ ครั้นได้ยินคําถามดังนั้น จึงพลันตอบโดยไม่ทันคิดว่า นิยายเรื่องนี้ประหลาดมาก เรายอม ยกโทษพาณิชให้ ครั้นว่าเท่านั้นแล้ว โขมดไพรก็หายวับไป นายพาณิชพ้นความตาย ดังนั้น จึงพูดยกบุญคุณของสองเฒ่าเป็นอันมาก ครั้นสองเฒ่าอําลาไปแล้วนายพาณิชก็เดินทางกลับบ้านอยู่เป็นสุขสําราญกับบุตรภรรยาของตนจนตลอดอายุ

ตอนนี้เป็นเวลาจวนรุ่งแล้ว สุลตานาทูลว่า ข้าแต่พระองค์ อันนิยายที่ข้าพเจ้าเล่าถวายมาแล้วนั้น จะสนุกเท่าเทียมกับเรื่องคนหาปลาก็หามิได้ พระเจ้าชาห์เรียร์ตรัสว่า เจ้าจงเอาไว้เล่าคืนนี้เถิด แล้วเสด็จจากที่บรรทมทรงเจริญมนต์ตาม คัมภีร์โกหร่าน เสร็จแล้วเสด็จออกขุนนางเพื่อทรงว่าราชกิจตาม เคย ท่านแกรนด์วิเชียร์และบรรดาเสนาวกามาตย์ตลอดจนไพร่ฟ้า ประชาชนทั่วไปมีความยินดี ด้วยพระองค์มิได้รับสั่งให้ประหารสุลตานา

ครั้นเวลาราตรี พระเจ้าชาห์เรียร์ก็เสด็จเข้าร่วมพระ แท่นที่บรรทมด้วยสุลตานาเชเฮอร์ซาเคตามเคย เมื่อได้เวลาจวน ใกล้รุ่งสุลตานาเซเฮอร์ซาเด ก็เล่านิยายถวายดังต่อไปนี้ (คนหาปลา)


The post ชายชรากับสุนัขดํา appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
https://nekohimahime.online/2021/05/22/%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b9%8d%e0%b8%b2/feed/ 0
ชายชรากับเนื้อทราย https://nekohimahime.online/2021/05/22/%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2/ https://nekohimahime.online/2021/05/22/%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2/#respond Sat, 22 May 2021 10:58:13 +0000 https://nekohimahime.online/?p=541 ข้าแต่ท่านปีศาจ ขอจงเงี่ยหูฟังเรื่องของข้าพเจ้า ณ บัดนี้เถิด เนื้อทรายซึ่งท่านเห็นอยู่ต่อหน้านี้เป็นภรรยาข้าพเจ้า ท่านคงจะสงสัยว่าเนื้อทรายจะเป็นภรรยาได้อย่างไร ข้อนี้มีเรื่อง ดังจะเล่าต่อไป คือเดิมที่เมื่อข้าพเจ้าแต่งงานกับนาง อายุนาง เพิ่งได้ ๑๒ ปี นางมีความรักใคร่นับถือข้าพเจ้าเสมือนบิดาเป็นที่พึ่งของนาง ข้าพเจ้าก็มีความรักใคร่เอ็นดูนางมาก ข้าพเจ้ากับภรรยา อยู่กินด้วยกันเป็นสุขล่วงกาลมา ประมาณ ๓๐ ปีหามีบุตรด้วยกันไม่ ถึงกระนั้นก็หาได้เสื่อมคลาย ความรักใคร่สงสารนางไม่ พูดกับนางว่าเราควรจะมีบุตรไว้เพื่อ สืบสกุลสักคนหนึ่ง นางก็เห็นดีด้วย จึงได้ช่วยทาสีคนหนึ่งมา เป็นภรรยาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยู่กับทาสีไม่นานเท่าไรก็ได้บุตรคนหนึ่ง รูปร่างลักษณะผิวพรรณน่ารักน่าเอ็นดู ภรรยาเก่าของข้าพเจ้าก็แสดงความอารีอารอบรักใคร่ทาสีและบุตรเป็นอย่างดี มิได้แสดงให้เห็นว่าขึ้งเคียด มีความหึงประการไร ข้าพเจ้าตายใจเชื่อถือในนางเรื่อยมา จนกาลล่วงได้กว่า ๑๐ ปี บุตรของข้าพเจ้าเจริญวัยใหญ่ขึ้นเป็นที่รักใคร่และทําให้ข้าพเจ้ามีความสุขยิ่งนัก อยู่มาวันหนึ่ง ข้าพเจ้ามีกิจจําเป็นไปทางไกล ก่อนที่จะออกจากบ้าน ได้ฝากฝังนางทาสีภรรยาน้อยและบุตรไว้กับภรรยาหลวง ด้วยเห็นว่าทั้งสองมีความสามัคคีกันดี ข้าพเจ้ามิได้มีความระแวงอย่างไร ไว้ใจจรรยาหลวงว่าจะปรานีนางทาสี ก็ออกจากบ้านไป ล่วงเวลามาได้สัก ๑ ปี ข้าพเจ้าเสร็จธุระเมืองไกลแล้วกลับบ้าน พอมาถึงไม่เห็นภรรยาน้อยกับบุตรก็ถามหา นางบอกว่า ทั้งสองได้ตายเสียแล้ว ข้าพเจ้ามีความเสียใจอาลัยถึงเป็นอันมาก แต่เวลานั้นเป็นคราวจวันตรุษ จึงต้องอดกลั้นความโศกเศร้าเสียใจเสีย…

The post ชายชรากับเนื้อทราย appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
ข้าแต่ท่านปีศาจ ขอจงเงี่ยหูฟังเรื่องของข้าพเจ้า ณ บัดนี้เถิด เนื้อทรายซึ่งท่านเห็นอยู่ต่อหน้านี้เป็นภรรยาข้าพเจ้า ท่านคงจะสงสัยว่าเนื้อทรายจะเป็นภรรยาได้อย่างไร ข้อนี้มีเรื่อง ดังจะเล่าต่อไป คือเดิมที่เมื่อข้าพเจ้าแต่งงานกับนาง อายุนาง เพิ่งได้ ๑๒ ปี นางมีความรักใคร่นับถือข้าพเจ้าเสมือนบิดาเป็นที่พึ่งของนาง ข้าพเจ้าก็มีความรักใคร่เอ็นดูนางมาก

ข้าพเจ้ากับภรรยา อยู่กินด้วยกันเป็นสุขล่วงกาลมา ประมาณ ๓๐ ปีหามีบุตรด้วยกันไม่ ถึงกระนั้นก็หาได้เสื่อมคลาย ความรักใคร่สงสารนางไม่ พูดกับนางว่าเราควรจะมีบุตรไว้เพื่อ สืบสกุลสักคนหนึ่ง นางก็เห็นดีด้วย จึงได้ช่วยทาสีคนหนึ่งมา เป็นภรรยาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยู่กับทาสีไม่นานเท่าไรก็ได้บุตรคนหนึ่ง รูปร่างลักษณะผิวพรรณน่ารักน่าเอ็นดู

ภรรยาเก่าของข้าพเจ้าก็แสดงความอารีอารอบรักใคร่ทาสีและบุตรเป็นอย่างดี มิได้แสดงให้เห็นว่าขึ้งเคียด มีความหึงประการไร ข้าพเจ้าตายใจเชื่อถือในนางเรื่อยมา จนกาลล่วงได้กว่า ๑๐ ปี บุตรของข้าพเจ้าเจริญวัยใหญ่ขึ้นเป็นที่รักใคร่และทําให้ข้าพเจ้ามีความสุขยิ่งนัก

อยู่มาวันหนึ่ง ข้าพเจ้ามีกิจจําเป็นไปทางไกล ก่อนที่จะออกจากบ้าน ได้ฝากฝังนางทาสีภรรยาน้อยและบุตรไว้กับภรรยาหลวง ด้วยเห็นว่าทั้งสองมีความสามัคคีกันดี ข้าพเจ้ามิได้มีความระแวงอย่างไร ไว้ใจจรรยาหลวงว่าจะปรานีนางทาสี ก็ออกจากบ้านไป

ล่วงเวลามาได้สัก ๑ ปี ข้าพเจ้าเสร็จธุระเมืองไกลแล้วกลับบ้าน พอมาถึงไม่เห็นภรรยาน้อยกับบุตรก็ถามหา นางบอกว่า ทั้งสองได้ตายเสียแล้ว ข้าพเจ้ามีความเสียใจอาลัยถึงเป็นอันมาก แต่เวลานั้นเป็นคราวจวันตรุษ จึงต้องอดกลั้นความโศกเศร้าเสียใจเสีย จัดเตรียมข้าวของที่จะทําบุญในพิธีตรุษ พอถึงวันจ่าย ข้าพเจ้าสั่งให้หัวหน้าคนใช้เลือกสรรแม่โคตัวอ้วน ๆ มาให้ล้ม เพื่อแต่งอาหารเซ่นสังเวยตามประเพณี


ครั้นคนใช้นําแม่โคมามัดไว้เสร็จเรียบร้อยดีแล้วข้าพเจ้า ก็จะลงมือประหารทําพิธีบูชายัญ ทันใดนั้นแม่โคก็ร้องขึ้นเสียง น่าสมเพชนักหนา น้ําตาไหลนองลงมาเป็นทางทั้งสองตาข้าพเจ้า เห็นนึกสมเพชยิ่งนักไม่กล้าจะฆ่าลงได้ จึงสั่งให้คนใช้เอาแม่โค ตัวนั้นกลับไป แล้วให้นําเอาตัวอื่นมาแทน


ในเวลานั้นภรรยาหลวงของข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นด้วย นางเป็นโกรธเป็นแค้นนัก กล่าวยุยงคัดค้านว่า แม่โคตัวนั้นอ้วน พีดี จะหาตัวไหนมาแทนเป็นไม่ดีเท่า ไม่เห็นมีข้อจําเป็นอันใด ที่จะยกเว้น ข้าพเจ้าอยากจะตามใจภรรยาที่รัก จึงให้คนใช้ จูงแม่โคกลับมาอีก แล้วก็เข้าไปใกล้แม่โค เตรียมการจะฆ่ อีครั้งหนึ่ง แม่โคก็ร้องเสียงโศกเศร้าเป็นที่น่าสังเวชขึ้นอีก น้ําตาไหลลงพราก ๆ ข้าพเจ้าไม่อาจทนต่อสู้ความเวทนาได้ จึงส่งอาวุธเครื่องประหารให้แก่คนใช้สั่งให้เขาฆ่าแทน


คนใช้ไม่กล้าขัดขืนจึงฆ่าแม่โคตัวนั้นทันที แต่พอแลหนังออก จึงเห็นประจักษ์แก่ตาว่า ถึงแม้แม่โคตัวนั้นอ้วนพี่เป็นนักหนา แต่ก็มีแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่สมควรที่จะแต่งเป็นเครื่อง สังเวย ข้าพเจ้านึกเห็นเป็นอัศจรรย์ยิ่งนักเมื่อเนื้อแม่โคตัวที่ฆ่านั้นไม่พอใช้การ ข้าพเจ้าจึงสั่ง ให้คนใช้นำลูกโคตัวอ้วน ๆ มาแทน คนใช้ก็จูงลูกโคงามอ้วน ตัวหนึ่งมาให้ พอข้าพเจ้าเหลือบเห็นเข้าก็ให้นึกสมเพชขึ้นทันที ข้างฝ่ายลูกโคนั้นเล่า พอเหลือบเห็นข้าพเจ้าเข้า ก็ดิ้นรนจะเข้ามาหาให้ได้ พอเชือกที่จูงมาขาด มันก็นอนอยู่แทบเท้า ทอดศีรษะลงเกยเกลือกอยู่กับเท้า ทําที่จะให้สงสาร ดูราวกับ จะอ้อนวอนว่า นายท่านจงอย่าได้มีใจโหดร้ายเอาชีวิตเสียเลย จงมีความปรานีบ้างเถิด


อาการที่ลูกโคกระทําเช่นนี้ ยิ่งทําให้ข้าพเจ้ารู้สึกสงสาร มากกว่าแม่โค มีความเอ็นดูกรุณามันยิ่งขึ้น ไม่สามารถฆ่าได้ จึงสั่งให้คนใช้เอามันไปเสีย และด้วยความสังหรณ์ในใจประการ ใดประการหนึ่งก็บอกไม่ถูก จึงได้สั่งกําชับให้คนใช้เลี้ยงดูลูก โคตัวนั้นให้ดี แล้วสั่งให้นาลูกโคตัวอื่นมาแทน

ภรรยาของข้าพเจ้าได้ฟังดังนั้น ก็กล่าวคัดค้านขึ้นจะให้ฆ่าลูกโคตัวนั้นให้ได้ ว่าไม่มีตัวอื่นที่อ้วนพีดีเท่าตัวนี้อีกแล้ว ตัวไหน ๆ ก็ต้องฆ่าเหมือนกัน ถ้าไม่ฆ่าแล้วจะเอาอะไรทําบุญ เล่า นางอ้อนวอนหนักข้าพเจ้าก็เสียไม่ได้ จึงตกลงว่าจะต้องฆ่าให้ได้ แล้วให้คนใช้นาเอากลับมาอีก

แต่ครั้นพอข้าพเจ้าถือ มีดใหญ่ตรงเข้าไปจะแทงคอมัน ทันใดนั้นมันแลดูข้าพเจ้าทําตา ปรอย ๆ น้ําตาหยดย้อยลงโซมหน้า ข้าพเจ้าเห็นดังนั้นอดกลั้น ความสงสารไม่ได้ ก็ฆ่าไม่ลงอีก เป็นอันให้คนใช้นําเอาลูกโคตัวนั้นกลับไปเสียทันที ซึ่งข้าพเจ้าทำดังนั้นภรรยาของข้าพเจ้าไม่พอใจเลย พยายามว่าขานต่าง ๆ จะให้ฆ่าลูกโคตัวนั้นให้จงได้ ข้าพเจ้าไม่เชื่อฟังคำนาง เป็นอันฆ่าโคตัวอื่นทำพิธีบูชายัญแทนเป็นการเสร็จไป

วันรุ่งขึ้นเวลาเช้า หัวหน้าคนใช้อยากจะพบสนทนาด้วย ข้าพเจ้าจึงไปที่อยู่ของคนใช้ เขาบอกว่าเขามีบุตรีคนหนึ่ง รู้มนต์อาคมต่างๆ เมื่อวันวานนี้นางเห็นเหตุการณ์ทั้งหลายทุกประการ ก็ร้องไห้สงสารแม่โคที่ถูกฆ่าเป็นอันมาก และเมื่อนางเห็นบิดาจูงลูกโคกลับเป็นอันไม่ฆ่าแล้ว นางแสดงสีหน้ายิ้ม แย้มแจ่มใสอยู่ ข้าพเจ้าได้ฟังดังนั้น มีความสงสัยสังหรณ์ใน ใจว่าชะรอยจะมีเรื่องราวพิสดารอยู่ จึงให้คนใช้นําบุตรีของตนมาหา พอนางออกมา ข้าพเจ้าก็ชักใช้ไล่เลียงได้ความว่า

ระหว่างเมื่อข้าพเจ้าไม่อยู่บ้าน ภรรยาหลวงได้เรียนเวทมนต์กับปีศาจตนหนึ่ง พอนางเรียนได้แล้ว ก็ใช้วิชากระทําให้ภรรยาน้อยและบุตรของข้าพเจ้า กลายเป็นโคเสียทั้งสองคน แล้ว มอบให้คนใช้เลี้ยงดูไว้ ซึ่งนางทําทั้งนี้ก็ด้วยความริษยาหึงหวง แต่หากซ่อนความพึงพยาบาทไว้ในใจ ข้าพเจ้าจึงไม่ได้กินแหนงแคลงใจมาแต่เดิม


ครั้นข้าพเจ้าได้ทราบความดังนั้นก็ตกตะลึง จึงถามบุตรี คนใช้ว่าจําโคแม่ลูกได้หรือไม่ และจะมีหนทางแก้ไขอย่างไรได้บ้าง นางตอบว่า จําโคแม่ลูกนั้นได้ดี แต่ตัวแม่ถูกฆ่าเสียเมื่อ วันวานแล้ว ตัวลูกคือตัวที่ข้าพเจ้าสงสารฆ่าไม่ลงนั้นเอง

จงนึกดูเถิดท่านปิศาจ ว่าข้าพเจ้ามีความเศร้าสลด สงสารภรรยาน้อยและบุตรเพียงไร ภรรยาหลวงซึ่งข้าพเจ้าเห็น ว่ารักใคร่ปรานี้กันดีนั้นเป็นแต่กิริยาภายนอก ส่วนความในใจของมันนั้น เต็มไปด้วยความหึงหวงพยาบาทแรงกล้า มันมีใจโหดร้ายทําได้ถึงเพียงนั้น ข้าพเจ้ามิได้ระแวงสงสัยเสียเลย ก็เพราะด้วยมารยาของหญิงยากแท้ที่บุรุษจะล่วงรู้ถึง ครั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ซักถามบุตรีคนใช้ว่า จะช่วยแก้ไขลูกของข้าพเจ้า ให้พื้นกลับจากสาปได้หรือไม่ นางตอบว่าได้ แต่ขอให้ข้าพเจ้า ยอมให้นางทําตามความประสงค์ของนางสองประการ

ข้าพเจ้ารีบตอบทันทีว่า ซึ่งจะประสงค์สิ่งไรนั้นยอมทุกประการขอแต่แก้บุตรให้ฟื้นคืนรูปเดิมเถิด นางแจ้งความประสงค์ว่าประการที่ ๑ ขอให้ข้าพเจ้ายกบุตรชายให้เป็นสามีนาง ประการที่ ๒ ขอให้ ข้าพเจ้าอนุญาตให้นางลงโทษภรรยาหลวงคนผิดตามโทษานุโทษที่ควร


ข้าพเจ้าตอบว่า ประการที่ ๑ ซึ่งนางประสงค์จะได้บุตรชายของข้าพเจ้าเป็นสามีนั้น ยอมด้วยความยินดีและจะยกทรัพย์สมบัติให้เป็นอันมาก ส่วนภรรยาของข้าพเจ้านั้นเป็นผู้หยาบ ช้าทารุณร้ายยิ่งนัก สมควรจะได้รับโทษทันฑ์จงหนัก ซึ่งนางจะลงโทษประการไรนั้น ยอมมอบตัวให้ทุกประการ ขอแต่อย่าได้ล้างชีวิตเท่านั้น

ครั้นข้าพเจ้ายอมตกลงทุกประการแล้ว บุตรีคนใช้ก็เริ่มอ่านอาคมทําน้ำมนต์ พอเสร็จแล้วก็เดินไปที่ลูกโคตัวที่ถูกสาปพลางพูดว่า ลูกโคเอ๊ย ถ้าแหละว่าเจ้ามีกําเนิดเป็นโคก็จงรักษาร่างโคนี้ไว้ ถ้าเป็นมนุษย์แต่หากถูกสาปแล้ว ขอคุณพระอะหล่าเป็นใหญ่ จงมาช่วย แก้เจ้าให้คงคืนรูปเดิม ณ กาลบัดนี้ ด้วยอานุภาพของพระองค์ ด้วยเถิด พูดดังนั้นแล้วก็เอาน้ำมนต์รดราดลงทั่วตัว ทันใดนั้น ถูกโคก็คลายกลับจากร่างโคเป็นมนุษย์ขึ้นอย่างเดิม

พอข้าพเจ้าเห็นดังนั้น มีความดีใจยิ่งนักรีบตรงเข้าไปกอดลูกไว้กล่าวว่า ลูกที่รักของพ่อ ! เจ้าควรขอบคุณพระอะหล่าเป็นอันมาก พระองค์เป็นเจ้าเป็นใหญ่ ใช้ให้นางนี้ลงมาช่วยลูกให้พ้นจากมนต์สาปและจะได้แก้แค้นแทนแม่ของลูก ทั้งนี้ลูกควรจะมีกตเวทีรู้สึกบุญคุณของนาง และจงรับนางผู้มีคุณนี้ไว้เป็นภรรยาตามที่พ่อได้ให้คํามั่นสัญญาไว้กับนางเถิด ลูกชาย ข้าพเจ้ายินยอมด้วยความยินดี แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้แต่งงานกันตามประเพณี บุตรีคนใช้ได้สาปภรรยาหลวงของข้าพเจ้าให้เอารูปเป็นเนื้อทรายนี่แหละ เนื้อทรายตัวที่ท่านเห็นอยู่ในเฉพาะหน้าท่าน ณ บัดนี้ คือภรรยาของข้าพเจ้า

ครั้นแล้ว บุตรชายของข้าพเจ้าก็ได้อยู่กันเป็นสามีภรรยากับบุตรีของคนใช้ ล่วงกาลนานมา บุตรสะใภ้ของข้าพเจ้าได้ถึงแก่กรรมลง สามีของนางมีความเสียใจเป็นอันมาก ละบ้านช่องหายไปหลายปีแล้ว ข้าพเจ้าออกเที่ยวติดตามหาก็ยังไม่พบ ที่ข้าพเจ้าต้องเอาภรรยาคือเนื้อทรายตัวนี้เดินทางมาด้วย ก็เพราะว่าไม่ไว้วางใจบ่าวไพร่ เกรงว่านางจะไม่ได้รับความสุข เรื่องราวของข้าพเจ้ากับเนื้อทรายก็จบลงเพียงแต่เท่านี้ ท่านพญามารยังจะเห็นว่ามีนิยายเรื่องใดบ้าง ซึ่งมีมเนื้อความประหลาดยิ่งกว่านี้

สุลตานาเซเฮอร์ซาเด เล่านิยายถวายพระเจ้าชาห์เรียร์ มาได้ถึงเพียงนี้แล้ว จึงทูลว่า ข้าแต่พระราชสวามี ปีศาจยังมิทันตอบประการไร กับชายชราคนที่ ๑ ที่เล่านิทานจบลง ชายผู้เฒ่าคนที่ ๒ จึงเอ่ยปราศรัยกับปีศาจทันทีว่า ข้าแต่พญาผี ข้าพเจ้าจะขอเล่าเรื่องของข้าพเจ้ากับสุนัขดําสองตัวนี้ให้ท่านฟัง เชื่อว่าเรื่องนี้ประหลาดอัศจรรย์ยิ่งกว่าเรื่องของชายชราคนที่ ๑ 6 ซึ่งท่านได้ฟังแล้ว การที่ขอชิงเล่าให้ท่านฟังก่อนที่ท่านจะตอบว่า ท่านจะยกโทษให้นายพาณิชหรือไม่นั้น ก็เพราะข้าพเจ้าเกรงว่า ท่านจะยังไม่เพลิดเพลินใจ ในความประหลาดอัศจรรย์ในเรื่องต้น พอที่จะยกโทษให้นายพาณิชและถ้าการณ์เป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอให้ท่านฟังเรื่องของข้าพเจ้าก่อนเถิด ว่าเท่านั้นแล้ว ชายชราคนที่ ๒ ก็เอยเล่านิยายต่อไปว่า (ชายชรากับสุนัขดำ)

The post ชายชรากับเนื้อทราย appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
https://nekohimahime.online/2021/05/22/%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2/feed/ 0
พาณิชกับผีป่า https://nekohimahime.online/2021/05/18/%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9c%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%b2/ https://nekohimahime.online/2021/05/18/%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9c%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%b2/#respond Tue, 18 May 2021 07:05:55 +0000 https://nekohimahime.online/?p=524 ข้าแต่พระราชา ในการก่อนมีพาณิชชาวอาหรับ ผู้หนึ่งอุดมด้วยทรัพย์ศฤงคาร มีบ่าวไพร่บริวารชายหญิงเป็นอันมาก พาณิชผู้นั้นทําการค้าขายใหญ่โต มีสาขาทั่วไปใน หัวเมืองใกล้ไกล จึงต้องเดินทางไปตรวจตราดูแลการค้าขายของตนตามหัวเมืองต่าง ๆ และทําการติดต่อกับพ่อค้าต่างเมืองอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น จึงต้องนอนค้างอ้างแรมอยู่ต่างบ้านคราวละหลาย ๆ คืน วันหนึ่งพาณิชมีกิจสําคัญจะต้องเดินทาง ไกลไปจากบ้านซึ่งจะต้องผ่านที่กันดาร จึงเตรียมย่ามใบ ใหญ่ใส่ขนมแห้ง และผลอินทผลัมเป็นเสบียงกรังสําหรับเดินทาง เสร็จแล้วขึ้นหลังม้าควบขับไป ในระหว่างเดินทางไปเป็นหลายวัน พาณิชถูกแดดเผามีอาการเพลียนัก จึงหยุดอาศัยพักผ่อนกายอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในแถวละเมาะไม้ ห่างไกลกับ หนทางเดิน ที่โคนต้นไม้ใหญ่นั้นมีน้ําพุใสสะอาด เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหามีผู้ใดตกแต่งทําไว้ไม่ พอพาณิชเหลือบเห็นบ่อน้ำพุุก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ความร้อนทถูกแดดเผามาแทบทั้งวัน ดูเหมือนหายสูญไปทั้งยังมิทันได้ลิ้มรสน้้ำ รีบลงจากหลังม้า และผูกไว้ให้กินหญ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งลงที่ปากบ่อน้ำ พลางควักผลอินทผลัม และเสบียงกรังอย่างอื่นออกมากิน กินพลางขว้างเม็ดอินทผลัมเล่นรอบ ๆ ข้างอย่างเย็นใจ ครั้นเสร็จกิจกินอาหาร ก็ชําระล้างมือ หน้าและเท้าตามลัทธิ แล้วคุกเข่าลงเริ่มสวดมนต์ ในขณะเมื่อคุกเข่าสวดมนต์อยู่ไม่ทันจบ เหลือบแลไป เห็นผีป่าชราคนหนึ่งมีขนและผมยาวไปทั้งตัว รูปร่างกํายําล่ํา ใหญ่มหึมา เดินโย่ง ๆ แลดูสูงตระหง่านตรงรี่เข้ามาหา มือ ถือดาบเล่มใหญ่ปลายงออย่างง้าว แต่พอปีศาจเข้ามาใกล้ พาณิช มันก็ตวาดกองร้องว่า…

The post พาณิชกับผีป่า appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
ข้าแต่พระราชา ในการก่อนมีพาณิชชาวอาหรับ ผู้หนึ่งอุดมด้วยทรัพย์ศฤงคาร มีบ่าวไพร่บริวารชายหญิงเป็นอันมาก พาณิชผู้นั้นทําการค้าขายใหญ่โต มีสาขาทั่วไปใน หัวเมืองใกล้ไกล จึงต้องเดินทางไปตรวจตราดูแลการค้าขายของตนตามหัวเมืองต่าง ๆ และทําการติดต่อกับพ่อค้าต่างเมืองอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น จึงต้องนอนค้างอ้างแรมอยู่ต่างบ้านคราวละหลาย ๆ คืน

วันหนึ่งพาณิชมีกิจสําคัญจะต้องเดินทาง ไกลไปจากบ้านซึ่งจะต้องผ่านที่กันดาร จึงเตรียมย่ามใบ ใหญ่ใส่ขนมแห้ง และผลอินทผลัมเป็นเสบียงกรังสําหรับเดินทาง เสร็จแล้วขึ้นหลังม้าควบขับไป ในระหว่างเดินทางไปเป็นหลายวัน พาณิชถูกแดดเผามีอาการเพลียนัก จึงหยุดอาศัยพักผ่อนกายอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในแถวละเมาะไม้ ห่างไกลกับ หนทางเดิน ที่โคนต้นไม้ใหญ่นั้นมีน้ําพุใสสะอาด เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหามีผู้ใดตกแต่งทําไว้ไม่

พอพาณิชเหลือบเห็นบ่อน้ำพุุก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ความร้อนทถูกแดดเผามาแทบทั้งวัน ดูเหมือนหายสูญไปทั้งยังมิทันได้ลิ้มรสน้้ำ รีบลงจากหลังม้า และผูกไว้ให้กินหญ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งลงที่ปากบ่อน้ำ พลางควักผลอินทผลัม และเสบียงกรังอย่างอื่นออกมากิน กินพลางขว้างเม็ดอินทผลัมเล่นรอบ ๆ ข้างอย่างเย็นใจ ครั้นเสร็จกิจกินอาหาร ก็ชําระล้างมือ หน้าและเท้าตามลัทธิ แล้วคุกเข่าลงเริ่มสวดมนต์

ในขณะเมื่อคุกเข่าสวดมนต์อยู่ไม่ทันจบ เหลือบแลไป เห็นผีป่าชราคนหนึ่งมีขนและผมยาวไปทั้งตัว รูปร่างกํายําล่ํา ใหญ่มหึมา เดินโย่ง ๆ แลดูสูงตระหง่านตรงรี่เข้ามาหา มือ ถือดาบเล่มใหญ่ปลายงออย่างง้าว แต่พอปีศาจเข้ามาใกล้ พาณิช มันก็ตวาดกองร้องว่า เจ้าฆ่าลูกของเราตายเป็นโทษผิดหนัก จงยืนข้ำให้ข้าฟันเสียด้วยดาบเดี๋ยว พูดพลางก็เงื้อดาบ ปากก็คํารามเสียงกระหึ่มดังอย่างน่ากลัว

ฝ่ายพาณิชพอเห็นรูปร่างปีศาจ ก็ตกใจกลัวตัวสั่น ได้ยินคํากรรโชกขู่ของมันดังนั้น ก็ยังหวาดกลัวแทบหมดสติ พลางถามด้วยเสียงสั่นว่า ข้าพเจ้าทําผิดคิดร้ายประการไรหรือ ท่านผู้มีอํานาจ ที่ว่าฆ่าลูกท่านนั้นหาเป็นความจริงไม่

ปีศาจคํารามเสียงดังขึ้นกว่าเก่าว่า เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีกเล่า เจ้ามิได้ขว้างเม็ดอินทผลัมอยู่รอบ ๆ ข้างไปดอกหรือ พาณิช ทั้งกลัวทั้งประหลาดใจรับว่า ได้ขว้างเม็ดอินทผลัมเล่นจริง แต่สงสัยว่าเม็ดอินทผลัมเล็ก ๆ จะฆ่าลูกยักษ์ได้อย่างไร ทั้ง ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาและรู้จักยักษ์เลย

ยักษ์จึงบอกว่าเมื่อกิน ผลอินทผลัมแล้วขว้าง เม็ดไปโดยคะนองนั้น ถูกลูกตาของลูกยักษ์ แตกตาย ยักษ์จะฆ่าพาณิชเสียแก้แค้นแทนลูก

พาณิช แก่โทษอ้อนวอนขอชีวิตว่า ที่ทําให้ลูกยักษ์ตายนั้นมิได้มีเจตนาร้าย ยักษ์หายอมยกโทษให้ไม่ เข้าจับแขนพาณิชกระชากมาแล้วเหวี่ยงลงไปนอนราบอยู่กับพื้น มือเงื้อดาบขึ้นจะฟันคอให้ศรีษะขาดกระเด็นไป

ระหว่างนั้นพาณิชเงยหน้าร้องให้ฟูมฟาย วิงวอนขอ ชีวิตต่าง ๆ นานา พลางคร่ำครวญถึงบุตรภรรยาที่บ้านว่าต่างก็จะพากันคอยหาย เมื่อตัวตายเสียในขณะนี้แล้วไหนเลยจะมีเวลาสั่งความ ทั้งจะค้นหาชากศพก็จะไม่พบ แม้จะพยายามใช้ความอ่อนหวาน พูดขอความกรุณาสักเท่าไรไม่เป็นผลสําเร็จ ปีศาจร้ายกลับขู่ตะคอกว่า ถึงจะร้องไห้จนน้ําตาเป็นเลือดก็ไม่ ยกโทษให้เป็นอันขาด อย่างไรเสียก็จะต้องฆ่าให้ตายไปตาม ลูกของมัน

ฝ่ายพาณิช เห็นหมดทางที่จะอ้อนวอนขอชีวิตได้แล้ว จึงพูดกับยักษ์ว่า ที่จะเอาชีวิตให้ได้นั้นก็จะยอมตาย แต่ขอผัดพอได้ไปสั่งเสียบุตรภรรยาและจัดการทรัพย์สมบัติเสีย ก่อนแล้วจะกลับมาให้ฆ่า ยักข์ยังไม่ไว้ใจ

พาณิชก็พยายามอ้อนวอนอีกว่า ท่านผู้มีอํานาจอันใหญ่ อันชีวิตของข้าพเจ้านี้อยู่ในเงื้อมมือและคมอวุธของท่าน ท่านจะฆ่าเสียเมื่อไรนั้น ก็ไม่เห็นว่าจะมีอํานาจอันใดมาทัดทานทานได้ และบัดนี้ข้าพเจ้าก็ยอมตายแล้ว แต่ที่ขอความกรุณาท่านทั้งนี้ก็เพื่อจะขอผัดเวลาพอ ได้เห็นหน้าบุตรภรรยาจะได้สั่งเสียกันเท่านั้น ข้าพเจ้าขอสาบานต่อพระพักตร์ พระอาหล่า ว่าจะกลับมา ให้ท่านฆ่าตามกําหนดขอให้ท่านผู้มีอํานาจจงได้กรุณาผ่อนเวลาให้ด้วยเถิด

ยักษ์เกิดความทะนงใจว่า เราก็มีอิทธิฤทธิ์ ใครเลยจะบังอาจช่วยเหลือพาณิชให้พ้นมือไปได้ ครั้นจะไม่ผ่อนเวลาให้ตามที่ขอร้องต่างก็จะพากันเข้าใจว่าเราไม่มีฤทธิ์เดช จําจะยอมผ่อนเวลาให้พาณิช

จึงถามพาณิชว่า จะขอผัดเวลาช้านานสักเพียงไร พาณิชตอบว่าขอผัดเวลาสัก ๑ ปีเท่านั้น พอวันครบกําหนด ๑ ปีแล้ว จะมาที่ใต้ต้นไม้นี้นอนคอยให้ฆ่าโดยดี ยักษ์อนุญาตให้แล้วก็หายตัวไป

ฝ่ายพาณิชเห็นยักษ์หายวับไปต่อหน้า ก็ค่อยคลายความตกใจกลัว รีบขึ้นม้าออกเดินทางกลับบ้าน พอกลับถึงบ้านบุตรภรรยาและวงศ์ญาติพากันต้อนรับด้วยความยินดี แต่พอพาณิชเล่าความที่สัญญากับยักษ์ไว้ให้บรรดาบุตรภรรยา และพวกพ้องพี่น้องฟังแล้วต่างคนพากันร้องไห้เป็นทุกข์แทนเป็นหนักหนา

เสียงครวญคร่ำพิไรอยู่เซ็งแซ่ไปทั้งบ้าน ตัวพาณิชเองถึงแม้ว่าได้ร้องให้วอนยักษ์มาเสียเป็นก่ายกองแล้ว แต่เมื่อเห็นบุตรใหญ่น้อยร้องไห้กันก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้เลย ร้องไห้กับบุตรภรรยาอีก

วันรุ่งขึ้น พาณิชตั้งต้นชําระสะสางหนี้สินแจกจ่ายให้ปันสิ่งของแก่บรรดาเพื่อนฝูงที่รักใคร่ และทําบุญให้ทานแก่ยาจก ปล่อยผู้คนข้าทาสหญิงชายเสียเป็นอันมาก เหลือไว้แต่ที่พอจะใช้สอยไปชั่วเวลา ๑ ปี ส่วนทรัพย์สมบัติที่เป็นปึกแผ่นก็จัด แบ่งนั่นยกให้แก่บุตรทั่วถึงกัน ส่วนบุตรที่ยังเยาว์ก็ตั้งผู้ปกครองทำพินัยกรรม มอบทรัพย์ให้เป็นส่วนๆเรียบร้อย ด้านฝ่ายภรรยาก็จัดแบ่งสินสมรส ปันทรัพย์สมบัติอื่น ๆ ให้อีกเป็นการเสร็จสิ้นไปทุกราย ตัวพาณิชก็ถือศีลกินบวชสํารวมใจรอเวลาความตายอยู่

ครั้นเวลาล่วงได้ ๑ ปี พาณิชจําใจต้องจากบ้านลาบุตร ภรรยา คณาญาติด้วยความเศร้าสลด บุตรภรรยาก็พากันร้องไห้เสียงขรมไม่ใคร่ยอมให้จากไปเลย พาณิชผู้สัตย์ซื่อจึงปลอบบุตรภรรยาว่า เป็นความจําเป็นจําใจที่จะต้องจากเมียรักและลูกรักทั้งหลายไปตาย ถึงจะพากันเศร้าโศกสักเพียงไร ก็ไม่มีหนทางจะแก้ไขได้แล้ว เพราะการที่จะต้องไปตายครั้งนี้ ด้วยเกรงบัญชาของพระอะหล่าเป็นใหญ่ เพราะได้สาบานไว้ ต่อพระพักตร์ของพระองค์มิสามารถจะหลีกเลี่ยงได้

โดยอันพระอะหล่าเจ้าจะบันดาลให้บังเกิดแก่ตน เพราะความเสียสัตย์ยิ่งใหญ่หลวงกว่าที่จะยอมตายด้วยอาวุธของยักษ์ สั่งสอนบุตร
ให้เอาเยี่ยงอย่าเขา สู้ก้มหน้าไปสู่กรรมด้วยความไม่หวั่นไหวสะทกสะท้านในเมื่อถึงความจําเป็นจะต้องถือความสัตย์

ธรรมดามนุษย์เกิดมาแล้วก็จะตาย เพราะฉะนั้นจึงควรตาย เสียดีกว่าจะเสียสัตย์ เพราะว่าถึงยอมเสียสัตย์แล้วใช่จะหนีความตายได้ก็หาไม่ สั่งเสร็จแล้วพาณิชหักใจกระโดดขึ้นหลังม้าควบหนีบุตรภรรยาที่โศกเศร้ารจะติดตามไปตายด้วยนั้น ครั้นถึงที่ใต้ต้นไม้ตามวันกําหนดที่ปฏิญาณไว้แล้ว ก็ลงจากหลังม้านั่งรอท่ายักษ์อยู่ริมขอบบ่อน้ำพุที่ ๆ กําหนดไว้

ขณะนั่งรอความตายอยู่นั้น มีชายชราคนหนึ่งจูงเนื้อเดินเข้ามาหา พอชายชราเดินเข้ามาถึงพาณิช ต่างฝ่ายทํา การเคารพกันตามประเพณีนิยม ชายชราถามพาณิชว่าเหตุไร จึงมานั่งอยู่ที่นั่น และบอกต่อไปว่าในป่านี้มีผีร้ายอาศัยอยู่เป็นอันมาก ถ้าขืนอยู่อีกต่อไปน่าจะไม่รอดชีวิต

ฝ่ายพาณิชก็เล่าเรื่องให้ฟังแต่ต้นจนปลาย ชายชราน่านั่งอยู่ด้วยความพิศวงและสงสารยิ่งนัก ชายชราจึงสรรเสริญพาณิชในข้อที่รักษา สัตย์ปฏิญาณต่อมารร้ายไว้ได้ และว่าเขาสงสารพาณิชนักจะคอยดูอยู่ด้วยจนปีศาจร้ายจะมาฆ่า

ขณะเมื่อชายทั้ง ๒ นั่งสนทนากันอยู่ มีชายชราอีกคนหนึ่งเดินมา มีสุนัขดํา ๒ ตัวเดินตามมาด้วย พอเดินเข้ามาใกล้ ชายชราคนมาใหม่ก็ทําความเคารพชายทั้ง ๒ ตามธรรมเนียมและปราศรัยไต่ถามว่าเหตุไรท่านทั้ง ๒ จึงมาอยู่ที่นี้ ชายชราคนมาก่อนก็เล่าเรื่องของพาณิชให้ฟัง โดยถ้วนถี่เท่าที่ได้ฟังมา แล้วจึงพูดต่อไปว่า วันนี้เป็นวันกําหนดที่ปีศาจจะมาฆ่าพาณิช เขาจึงอยากจะอยู่ดูเหตุการณ์ด้วย

ครั้งคนมาทีหลัง ได้ฟังเรื่องประหลาดดังนั้นจึงตกลงใจจะคอยอยู่ดูผลที่สุดของเหตุการณ์นั้นด้วย พลางก็นั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ ทั้งสองคนก็สนทนาปรับทุกข์สงสาร พาณิชอยู่

ในเวลาประเดี๋ยวใจ คนทั้งสามแลไปทางท้องทุ่งแถบชายละเมาะ ทันใดนั้นเห็นควันพรุ่งขึ้นเป็นลําสูงเลื่อนลอยลิ่วตรงรี่เข้ามาหาคนทั้งสาม บัดเดี๋ยวก็อันตรธานสูญไป พอควันสูญไปก็ปรากฏเป็นยักษ์ถือดาบใหญ่เดินเข้ามาหา พาณิชได้เหลียวดู ๒ เฒ่าพลางจับมือนายพาณิชและคำรามว่า ลุกขึ้นข้าจะเอาชีวิตเจ้าเสียในบัดนี้เพราะเจ้าฆ่าลูกของข้า

สองเฒ่าชราและนายพาณิชพากันตกใจกลัวยิ่งนัก ต่างคนก็ร้องไห้โอดครวญด้วยความกลัวเสียงแช่ไปทั้งป่า ชายชราผู้จูงเนื้อแข็งใจ ตรงเข้าคุกเข่าคลานเข้าไปเกาะตีนยักษ์ไว้ แล้วร้องขอโทษให้ยักษ์ปล่อยนายพาณิช แกอ้อนวอนรำพันว่า ขอท่านจงระงับโทษไว้สักครั้งเถิด จงยับยั้งความโกรธปล่อยพาณิชเสียและฟังข้าพเจ้าก่อน อยากจะชักนิยายเรื่องของข้าพเจ้าและเรื่องของเนื้อทรายตัวนี้ให้ท่านฟัง นิยายเรื่องนี้สนุกสนานพอจะชักชวนให้ท่านเพลิดเพลินใจได้เป็นแน่ ปีศาจได้ฟังดังนั้นจึงปล่อยพาณิช และลดมือที่เงื้อดาบลงเสียพลางพูดกับชายชราว่า ถ้าเรื่องที่จะเล่านั้นสนุกสนานยิ่งกว่าเรื่องของพาณิชนั้นแล้ว ก็จะผ่อนผันยกโทษให้ หาไม่แล้วดาบที่ลดลง ณ บัดนี้ก็จะเงื่อขึ้นอีก และไม่มีวันลดลงเลย จนกว่าศีรษะพาณิชจะกระเด็นออกจากคอ


พอนางเชเฮอร์ ชาเดเล่ามาถึงเพียงนี้ นางสังเกตเห็น ว่าแสงทองเริ่มเรื่อฟ้า เป็นเวลาที่สุลต่านจะตื่นจากบรรทมขึ้น เจริญโมหมัดมนต์ตามคัมภีร์โกหร่าน ก็หยุดเล่านิยายลงทันที ดินาซาเดกชมเชยว่า นิยายที่พี่นางสรรเอามาเล่านั้นประหลาดและสนุกสนานยิ่งนัก

นางเชเฮอร์ซาเดได้ที่จึงพูดว่า ตอนต่อไป ของนิยายนี้มีเนื้อความประหลาดมหัศจรรย์ยิ่งกว่าตอนต้นเป็นอันมาก ถ้าใครได้ฟังแล้วก็เหลือที่จะลดชมความสนุกสนานและจะเว้นความเพลิดเพลินใจเสียมิได้เลย แล้วนางกล่าวเปรย ๆ ให้ เจ้าชาห์เรียร์ได้ทรงสดับด้วยว่า จะเล่าให้จบได้หรือไม่นั้นก็สุดแล้วแต่สุตต่านจะทรงโปรด ถ้าทรงพระกรุณาให้นางมีอายุยืนยาวต่อไปได้ถึงวันพรุ่งนี้เข้า ก็จะเล่าถวายต่อไปให้น้องฟังอีก

ฝ่ายพระเจ้าชาห์เรียร์ได้ทรงนิยาย รู้สึกเพลิดเพลิน พระหฤทัย และเนื่องทั้งที่ทรงกรุณาโปรดปรานในความสวยงาม ของนางเชเฮอร์ซาเดเจ้าของเรื่องด้วย พระองค์ทรงดําริว่าจะให้ นางมีอายุต่อไปอีก ๑ วัน จนกว่าจะเล่าเรื่องนั้นจบลง แล้วจึงจะให้ฆ่าเสียในวันรุ่งขึ้นทรงดำริแล้วก็เสด็จออกจากพระที่บรรทม ครั้นเสร็จการเจริญมนต์ในโกะหร่าน ก็เสด็จออกขุนนางข้างหน้าตามราชประเพณี

ระหว่างนั้น แกรนด์วิเชียร์มีความอักอวนป่วนใจให้ วิตกเป็นอันมาก ในคืนวันนั้นไม่เป็นอันหลับนอนเฝ้าแต่เป็นห่วง ผูกพันถึงลูกรักอยู่มิได้ขาด นอนระทมทุกข์ถึงเหตุการณ์อันจะเกิดแก่บุตรีในวันรุ่งขึ้น และยังเป็นทุกข์หนักใจในข้อที่จะต้องเป็นผู้ฆ่าบุตรีที่รักใคร่ด้วยมือของตนเอง พอรุ่งเช้าได้เวลาเข้าเฝ้าสุลต่านให้มีความเกรงกลัวตัวสั่นอยู่ แว่วอยู่เสมอว่าพระองค์รับสั่งให้คร่าตัวบุตรีไปฆ่าเสีย แต่ครั้นสุลต่านเสด็จออกขุนนางไม่ได้ตรัสสั่งประการไรถึงเรื่องนั้น แกรนด์วิเซียร์ก็ค่อยคลายใจลง

เมื่อสุลต่านออกว่าราชกิจการเมืองตามเคย เสร็จแล้วก็เสด็จขึ้น ครั้นตกเวลากลางคืนพระองค์ก็เสด็จเข้าสู่ห้องเชเฮอร์ ชาเดผู้เป็นชายา นางก็เข้าร่วมพระที่บรรทมกับพระองค์อีกคนหนึ่ง พอเวลาจวนสาง ดินาซาเด็กคลานเข้าไปปลุกพี่เหมือนอย่างคืนก่อน พลางปราศรัยอย่างเคย

สุลต่านมิทันให้เชเฮอร์ซาเอกราบทูลขออนุญาต ตรัสว่าเรื่องเป็นอย่างไรต่อไปก็ให้เล่าเสียให้จบ นางเซเฮอร์ซาเตก็เริ่มชักนิยายต่อไปว่า ข้าแต่พระราชาเมื่อยักษ์ตกลงยอมให้ชายชรา เล่าเรื่องของแกกับเนื้อทรายของตน ชายชราจึงเล่าให้ยักษ์ฟังว่า…

ขอขอบคุณ เนื้อหาหลักจากหนังสือ อาหรับราตี ของ มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป

Web: https://www.snf.or.th/2019/about-snf/

Facebook: https://www.facebook.com/snfsiam/

The post พาณิชกับผีป่า appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
https://nekohimahime.online/2021/05/18/%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9c%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%b2/feed/ 0
ชาวประมงและจอมอสูร https://nekohimahime.online/2021/05/16/471/ https://nekohimahime.online/2021/05/16/471/#respond Sun, 16 May 2021 14:29:01 +0000 https://nekohimahime.online/?p=471 ข้าแต่พระราชา แต่กาลก่อนมีชาวประมงชราผู้ หนึ่งยากจน ต้องออกจากบ้านเที่ยวทอดแหหาปลามาเลี้ยงบุตร ภรรยาทุกเช้า เมื่อยังหนุ่มอยู่ได้ปฏิญาณไว้ด้วยความจําเป็นว่าใน วันหนึ่งจะต้องทอดแหหาปลาไม่ให้เกินสี่ครั้ง ชาวประมงชราถือ สัญญาอันนี้เคร่งครัดนัก ต่อมามีครอบครัวบุตรหญิงชายหลายคน หาปลามาได้น้อยไม่ใคร่จะพอเลี้ยงกัน แต่ก็หาล่วงละเมิดเหวี่ยง แห่ให้เกินสีโครมไม่ และมักจะรู้สึกเสียใจบ่อย ๆ ที่ต้องจําเป็น ถือสัตย์ปฏิญาณข้อนี้ วันหนึ่ง ชาวประมงทอตแหตั้งแต่เวลาเข้าตรู พอแบก แหมาถึงขายทะเลสาบ ก็เปลืองเครื่องแต่งกายชั้นนอกออกกอง ไว้แล้วก็เหวี่ยงแหลงไปเป็นครั้งที่หนึ่ง เมื่อค่อย ๆ ลากแหขึ้นมารู้ สึกว่ามีน้ําหนักมาก ก็นึกดีใจว่าคราวนี้เห็นจะได้ปลามากมาย ครั้นสาวแหขึ้นมาบนตลิ่งหามีกุ้งปลาติดแหไม่ มีแต่ซากศพขึ้นมา ชาวประมงชราเสียใจบ้างเล็กน้อยที่ไม่สมคาด แต่ยังมีความหวัง อยู่ว่าจะทอดแหได้อีกถึงสามคราว จึงเดินขยับเลื่อนออกไปจากที่ เก่า ได้ทําเลก็เหวี่ยงแหลงไปอีกเป็นครั้งที่สอง พอลากแหขึ้นมา เห็นมีแต่ตะกร้าใบใหญ่เต็มไปด้วยทรายและตมเลน หามีปลาสัก ตัวไม่ ครั้งนี้เสียใจมากขึ้นพูดกับตัวเองเสียงกระเส่า ๆ ว่า โอลาภ เย้ยลาภ ช่างเกิดวิบัติขัดข้องแก่เราเสียนี่กระไร จงอย่ามีเช่นนี้ เสียทีเถิด อย่าแกล้งปล่อยให้คนอนาถาอดตายเสียเลยจงเอ็นดูบ้าง ข้าพเจ้าทําการทั้งนี้ก็เพื่อเลี้ยงชีวิตตัว หามุ่งหมายจะเอาปลาไป ค้าขายหวังความร่ํารวยประการไรมได้ นอกจากหนทางนี้แล้วก็ ไม่มีทางจะทํากินอย่างอื่น ชาวประมงปราบ่นพึมพาอยู่คนเดียว…

The post ชาวประมงและจอมอสูร appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>

ข้าแต่พระราชา แต่กาลก่อนมีชาวประมงชราผู้ หนึ่งยากจน ต้องออกจากบ้านเที่ยวทอดแหหาปลามาเลี้ยงบุตร ภรรยาทุกเช้า เมื่อยังหนุ่มอยู่ได้ปฏิญาณไว้ด้วยความจําเป็นว่าใน วันหนึ่งจะต้องทอดแหหาปลาไม่ให้เกินสี่ครั้ง ชาวประมงชราถือ สัญญาอันนี้เคร่งครัดนัก ต่อมามีครอบครัวบุตรหญิงชายหลายคน หาปลามาได้น้อยไม่ใคร่จะพอเลี้ยงกัน แต่ก็หาล่วงละเมิดเหวี่ยง แห่ให้เกินสีโครมไม่ และมักจะรู้สึกเสียใจบ่อย ๆ ที่ต้องจําเป็น ถือสัตย์ปฏิญาณข้อนี้

วันหนึ่ง ชาวประมงทอตแหตั้งแต่เวลาเข้าตรู พอแบก แหมาถึงขายทะเลสาบ ก็เปลืองเครื่องแต่งกายชั้นนอกออกกอง ไว้แล้วก็เหวี่ยงแหลงไปเป็นครั้งที่หนึ่ง เมื่อค่อย ๆ ลากแหขึ้นมารู้ สึกว่ามีน้ําหนักมาก ก็นึกดีใจว่าคราวนี้เห็นจะได้ปลามากมาย

ครั้นสาวแหขึ้นมาบนตลิ่งหามีกุ้งปลาติดแหไม่ มีแต่ซากศพขึ้นมา ชาวประมงชราเสียใจบ้างเล็กน้อยที่ไม่สมคาด แต่ยังมีความหวัง อยู่ว่าจะทอดแหได้อีกถึงสามคราว จึงเดินขยับเลื่อนออกไปจากที่ เก่า ได้ทําเลก็เหวี่ยงแหลงไปอีกเป็นครั้งที่สอง พอลากแหขึ้นมา เห็นมีแต่ตะกร้าใบใหญ่เต็มไปด้วยทรายและตมเลน หามีปลาสัก ตัวไม่ ครั้งนี้เสียใจมากขึ้นพูดกับตัวเองเสียงกระเส่า ๆ ว่า โอลาภ เย้ยลาภ ช่างเกิดวิบัติขัดข้องแก่เราเสียนี่กระไร จงอย่ามีเช่นนี้ เสียทีเถิด อย่าแกล้งปล่อยให้คนอนาถาอดตายเสียเลยจงเอ็นดูบ้าง ข้าพเจ้าทําการทั้งนี้ก็เพื่อเลี้ยงชีวิตตัว หามุ่งหมายจะเอาปลาไป ค้าขายหวังความร่ํารวยประการไรมได้ นอกจากหนทางนี้แล้วก็ ไม่มีทางจะทํากินอย่างอื่น

ชาวประมงปราบ่นพึมพาอยู่คนเดียว ต่อไปอีกมากมาย ปากบ่นไปพลางมือกเหวี่ยงตะกร้าใบใหญ่ทั้ง ไปเสีย แล้วจับแหส่ายไปมาบนน้ําล้างโคลนเลนเสร็จแล้ว ก็ขยับ เลื่อนที่ทําเลออกไปใหม่เห็นเหมาะดี จึงเหวี่ยงแหลงอีกเป็นครั้ง ที่สาม ครั้งนี้ก็ไม่ได้ปลา มีแต่สรรพก้อนหินหอยและกิ่งไม้ต่าง ๆ ชายชราแทบหมดสติ มีความเสียใจเป็นอันมากเหลือที่จะ กล่าวถูก เพราะได้ทอดแหลงถึงสามครั้งแล้วยังไม่ได้ปลาสักตัว เดียว เหลืออีกหนหนึ่งเท่านั้นไหนเลยจะได้ปลาเลี้ยงบุตรภรรยา และท้องของตนเพียงพอ แต่ถึงจะคิดเช่นนั้นก็ใช่ว่าจะไม่ทอด แหให้ครบสี่ครั้งก็หามิได้ เพราะถึงว่าจะได้กุ้งปลาบ้างสักเล็กน้อย ก็ยังดีกว่าไม่ได้เสียเลย ต้องแบกแหกลับบ้านและทนความ หิวโหยไปวันยังค่ําจนกว่าจะรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง



ขณะเมื่อกําลังร้าจึงอยู่นี้ พอดีได้เวลาพระอาทิตย์ขึ้น ชาวประมงชราก็วางแหลงสวดมนต์ตามลัทธิผู้นับถือกราบไหว้พระ อาทิตย์ พอสิ้นบทสวดมนต์ลงก็กล่าวเพิ่มต่อไปอีกว่า พระอาหล่า ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ พระองค์ก็ทรงทราบดีอยู่แล้วว่า ข้าพเจ้า ทอดแหได้เพียงวันละสี่ครั้งเท่านั้น วันนี้ข้าพเจ้าทอดลงไปสาม ครั้งแล้วหาได้กุ้งปลาสักตัวเดียวไม่ ยังเหลืออีกครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าพระองค์ ไม่โปรดบันดาลผลบ้างแล้ว ก็เห็นว่าข้าพเจ้าและ ครอบครัวจะอดเป็นแน่ เพราะฉะนั้น ขอพระองค์จึงโปรดสัตว์ผู้ ยากด้วยเถิด

เสร็จคําอ้อนวอนแล้ว ชาวประมงชราก็ทอดแหลงไป เป็นครั้งที่สี่ด้วยความระมัดระวังนักหนา เพราะฉวยพลาดพลั้ง ครั้งนี้น่าที่จะต้องทนความหิวไปเป็นแน่ จึงบรรจงสาวแหขึ้นมารู้สึกหนักมือ สําคัญใจว่าติดกุ้งปลามากมายเหมือนอย่างที่ดีใจ

เมื่อหนแรก แต่ครั้งนี้ก็อีกแหละ ควรที่จะเห็นมีกุ้งปลาแม้แต่ตัวเดียว กลับเห็นมีหม้อทองแดงใบหนึ่งติดขึ้นมาด้วย ฝาหม้อปิดสนิทแน่นมีรอยลงเลขยันต์ประทับตราไว้เป็นสําคัญ สังเกตเอา ตามน้ําหนักดูเหมือนว่าจะมีอะไรอยู่ภายใน จึงรีบเปิดฝาออกทัน ที่หวังว่าจะได้พบสิ่งของที่มีราคาบ้าง

แต่ครั้นเปิดออกแล้ว ให้นึกประหลาดใจเป็นอันมากที่ไม่เห็นมีอะไรในหม้อเลย ชาวประมงค์ชราก็โยนหม้อทิ้งเสียทอดสายตาดูด้วยความวิตกเป็นทุกข์ ถึงครอบครัวและท้องของตน ขณะนั้นมีควันพลุ่งออกมาจากหม้อ ชาวประมงค์ชราตกใจตะลึงเพ่งอยู่ ควันค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นเป็น ลําดับสูงเทียมเมฆ แล้วกระจายออกเป็นหมอกมีดไปทั่วทิศ พอ ควันพลัง ๆ ออกมาจากหม้อสิ้นเชิงลงในไม่ช้า ก็ติดต่อรวมกัน เข้าปรากฏเป็นรูปปีศาจตนหนึ่งโตใหญ่

ชายชราคนหาปลาตก ใจกลัวจนตัวสั่นสิ้นสติอยากจะออกวิ่งหนี แต่โดยความตกใจกลัว จึงไม่สามารถวิ่งหนีไปได้ ยืนตัวสั่นเทิ้มอยู่กับที่ ปีศาจตนนั้นร้องว่า โซโลมอน โซโลมอน มหาบัณฑิตจงโปรดเอ็นดูยกโทษให้ ข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจะไม่ขัดขึ้นพระองค์อีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่ บัดนี้ไปจะนั่งบังคับบัญชาของพระองค์ โดยดี
คนหาปลาพอได้ยินถ้อยคําอ้อนวอนของปีศาจ ก็ค่อยมี สติคนมาพูดออกได้ว่า เจ้าปีศาจจองหอง เจ้าร้องว่ากระไร พระเจ้าโซโลมอนผู้เป็นปราชญ์ในพระอาหล่านั้น ได้สิ้นพระชนมไป เป็นเวลากว่า ๑๘๐๐ ปีแล้ว ไฉนเจ้ามาร้องเรียกหาอยู่อีกเล่า เจ้ามีเรื่องราวอย่างไรหรือ ไหนเจ้าลองว่าให้เราฟังที่เถิด และ ด้วยเหตุผลประการไร เจ้าจึงต้องถูกกักขังอยู่ในหม้อทองแดงและ ถูกถ่วงทะเลดังนี้


ปีศาจหันมาดูคนหาปลาด้วยตาดุ หน้าถมึงทึงโหดร้าย แล้วตอบว่า เจ้ามนุษย์น้อยนี่บังอาจเรียกขาได้ว่าปิศาจจองหอง เจ้าไม่รู้หรือว่า ชีวิตของเจ้าจะพลันดับลงในบัดเดี๋ยวนี้แล้ว ก่อน ที่ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าเสียนี้ เจ้าจงพูดกะข้าให้สุภาพสักหน่อย เพื่อเวลา หายใจของเจ้าจะได้มีนานไปบ้างสักเล็กน้อย

คนหาปลาฝืนใจทํา เป็นพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า เจ้าจะฆ่าฟันข้าด้วยเหตุไร ข้าช่วยให้เจ้าพ้นจากถูกกักขังอยู่เดี๋ยวนี้เอง ลืมเสียแล้วหรือ ? ปีศาจ ใจร้ายตอบว่า ข้อนั้นข้าไม่ลืม เหตุที่ไม่ลืมนั่นเอง ข้าจึงจําได้ ว่า ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย บัดนี้ข้าเอ็นดูเจ้าที่ช่วยข้า เพราะฉะนั้น ข้าให้เจ้าเลือกเอาว่าเจ้าจะตายสถานไร เป็นการตอบแทนคุณ

คนหาปลาเถียงว่า ซึ่งเจ้าจะฆ่าข้าเสียบัดนี้ ข้ามีเรื่องผิดพ้อง หมองใจอันใดหรือ ข้าเห็นมีแต่บุญคุณอยู่แก่เจ้าเป็นอันมาก ที่ ช่วยให้เจ้าออกจากหม้อทองแดงได้ หาไม่ป่านนี้เจ้าก็ยังคงจมอยู่ ในท้องทะเลตามเดิม นี่หรือเป็นรางวัลที่เจ้าจะตอบแทนข้าผู้ให้ความอิสระแก่เจ้า หรือเจ้าจะเนรคุณฆ่าข้าเสียด้วยข้อที่ข้าช่วย เจ้าให้พ้นภัยนั้นเอง ปีศาจพูดว่า ข้าจะทดแทนคุณเจ้าอย่างอื่นไม่ได้ เพื่อเจ้าจะทราบเค้ามูลว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ข้าจึงจะ ต้องฆ่าเจ้าเสียดังนี้ เจ้าจงฟังเรื่องราวของข้าเถิด


ตัวข้านี้เป็นปีศาจผู้ทรยศ คิดขบถต่อพระผู้เป็นเจ้าบน สวรรค์ ปวงปีศาจทั้งหลายพากันเกรงกลัวนับถือพระเจ้าโซโลมอน ผู้โปรเฟตของพระเจ้าสิ้นทั้งนั้น แต่สาคาและตัวข้าไม่อ่อนน้อม เฝ้าแต่ทําการขัดขึ้นพระเจ้าโซโลมอนด้วยประการต่าง ๆ พระ เจ้าโซโลมอนผู้มีอานุภาพ ใช้ให้อาสาพผู้บุตรของพารฆยาเสวก ของพระองค์มากุมตัวข้าไปถวาย พระเจ้าโซโลมอนตรัสบังคับ ให้ข้าทั้งทางที่ชั่วเสีย หันเข้าอยู่ทางสัมมาปฏิบัติตามวินัยที่พระ องค์ตราไว้ ข้าไม่ยอมอยู่ในบังคับของเธอ ขึ้นดื้อดึงอยากจะเป็น พาลขัดอํานาจพระเจ้า เธอจึงจับเอาตัวข้าใส่หม้อทองแดงใบนี้ แล้วลงยันต์จารึกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า กับประทับตราของ พระองค์ปิดปากหม้อไว้ เพื่อมิให้ขาหนีออกไป ครั้นแล้วเธอตรัส สั่งปิศาจผู้บริวารของเธอตนหนึ่ง นําตัวข้ามาถ่วงเสียในทะเลสาบ


ในยุคต้นที่ตัวข้าถูกกักขังอยู่นั้น ข้าได้สาบานไว้ว่าถ้าผู้ ใดช่วยให้หลุดพ้นออกจากหม้อทองแดงได้ภายในเวลารอบ ๑๐๐ ปีแรก ข้าจะให้ผู้นั้นร่ํารวยเป็นเศรษฐี เวลา ๑๐๐ ปีแรกล่วงไปแล้ว ก็หามีผู้ช่วยไม่ ข้าต้องถูกกักขังอยู่กันทะเลเป็นเวลา ๑๐๐ ปี

ครั้งในระยะร้อยปีที่ ๒ ข้าสาบานไว้ว่า ถ้าผู้ใดช่วยได้ ข้า จะชี้ขุมทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีอยู่บนพื้นแผ่นดินให้แก่ผู้นั้นจนสิ้น แต่ก็หามีผู้ใดมาช่วยไม่

ในระยะร้อยปีที่ ๓ ข้าได้สาบานไว้ว่า ถ้า ผู้ใดช่วยได้ ข้าจะบันดาลให้ผู้นั้นเป็นพระมหากษัตริย์ทรงเดชานุภาพใหญ่ยิ่ง แล้วตัวข้าจะเป็นวิญญาณรับใช้ผู้นั้นอยู่ป้องกัน อันตรายไม่ให้มีมาแผ้วพานผู้นั้นได้ และนอกจากนั้นยังจะยอม ให้ผู้นั้นปรารถนาของที่ต้องประสงค์ ได้วันละ ๓ ประการทุก ๆ วันไปจนตลอดชีวิตของผู้นั้น ปรารถนาสิ่งไรข้าก็จะคอยบันดาล
ให้ ร้อยปีที่ ๓ นี้เล่าก็ล่วงไปเช่นเดียวกับเมื่อ ๒๐๐ ปีที่แล้วมา ข้าต้องตรากตรําลําบากอุดอู้อยู่ในหม้อทองแดงนี้ถึง ๓๐๐ ปี


ในระยะ ๑๐๐ ปีต่อ ๆ มา ข้าก็ยิ่งเพิ่มคําปฏิญาณยิ่ง ขึ้นทุกที ถ้าผู้ใดมาช่วยได้ในระหว่างนั้นจะอุดมด้วยโชคลาภ สักการะใหญ่หลวงนัก แต่ก็ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดโชคดีที่จะพบหม้อ ทองแดงนี้ ในที่สุดเมื่อเวลาล่วงมาได้กว่าพันปีแล้วก็ไม่มีผู้ใดช่วย ข้าปล่อยทิ้งให้ถูกกักขังลําบากตรากตราอยู่คนเดียว ข้าก็เกิดโทสะขึ้นสาบานไว้ว่า แต่นี้ต่อไปในวันหน้า ถ้าผู้ใดมาช่วยให้ หลุดพ้นได้ก็จะฆ่าผู้นั้นเสีย จะปรานีแต่เพียงยอมให้เลือกเอาว่า จะตายด้วยประการไรตามชอบใจเขาเท่านั้น

เหตุด้วยคําสาบาน ดังได้เล่าให้เจ้าพังนี้แหละ เมื่อเจ้าเป็นผู้เคราะห์ร้ายมาช่วยข้าออกจากหม้อทองแดงได้วันนี้ ข้าก็จะต้องเอ็นดูตามปฏิญาณ จงเลือกเอาความตายเสียโดยเร็วว่าจะตายอย่างไรก็ตามใจชอบของ เจ้าเถิด

เมื่อชาวประมงชราได้ฟังปีศาจเล่าเรื่องของมันจบลง ให้เศร้าใจกลัวความตายตัวสั่น เป็นทุกข์ถึงบุตรภรรยาว่าจะลําบาก ยากแค้นนักหนา พยายามอ้อนวอนปีศาจด้วยถ้อยคําต่าง ๆ แต่
มันก็หากรุณาจะให้ชีวิตใหม่ไม่ มันยืนคำอยู่ว่าจะต้องฆ่าเสียให้ได้ตามคําปฏิญาณ

คนหาปลานึกแค้นใจตัวเองว่า พุทโธเอ๋ย เรานี่ช่างเคราะห์ร้ายนักหนา มาช่วยไอ้ผีอกตัญญูเช่นนี้ไว้ได้ พลางพูดรําพันอ้อนวอนขอชีวิตกับปีศาจว่า ท่านปีศาจผู้มีอํานาจ จง คิดดูบ้างเป็นไรว่าคําสัตยาธิษฐานของท่านนั้นเป็นความอยุติธรรม โหดร้ายโดยแท้ ไม่พอที่เลยจะสาบานไว้เช่นนั้น ขอท่านจงโปรด ให้ชีวิตข้าเถิด ข้าเป็นคนอนาถาต้องเลี้ยงบุตรภรรยาหาเช้ากิน ค่ําเสมอเป็นนิตย์ ถ้าท่านฆ่าข้าเสียแล้ว เห็นว่าบุตรภรรยาก็จะ พากันอดตายเป็นแน่

ความจริงซึ่งแต่ส่วนชีวิตข้านั้นหาเสียดายไม่ ถึงคราวเคราะห์แล้วก็จําต้องสนองกรรมไปตามกาล สงสาร แต่ภรรยากับบุตรจะคอยหาและหิวโหยอยู่ตลอดวัน ไม่กี่วันก็จะพากันอดตายสิ้น ขอท่านจงไว้ชีวิตข้าเถิด พระอาหล่าก็จะอด โทษแก่ท่านเช่นเดียวกัน


ปิศาจใจร้ายไม่ฟังเสียงวิงวอน ตอบว่า ไม่ได้ ไม่ได้ เจ้าต้องตาย จะตายอย่างไรก็จงรีบตกลงใจเสียเดี๋ยวนี้ จึงคิดอยู่ แต่ในใจว่า เราทําคุณแก่มัน แต่มันไม่รู้คุณ เราก็ย่อมได้รับ โทษเป็นกรรมตามสนองเช่นนี้เสมอไป แต่เราจะไม่มีทางแก้ไข แล้วหรือ เมื่อพยายามอ้อนวอนให้ปีศาจไว้ชีวิตโดยละม่อมไม่เป็น การสําเร็จแล้ว ก็จําเป็นจะต้องคิดหาอุบายหลีกเลี่ยงความตายให้ จงได้ ขณะนั้นคิดอุบายได้อย่างหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพราะความจําเป็นเครื่องบังคับให้เกิดปัญญานั่นเอง

ครั้งแล้วจึงพูดกับปีศาจว่า ถ้าข้าจะหนีความตายไม่พ้นแล้วก็จะยอมตายโดยดี สุดแล้วแต่พระ ลิขิตแห่งพระอาหล่าเป็นเจ้าจะบันดาลให้เป็นไป แต่ก่อนที่จะ เลือกว่าจะตายอย่างไรนั้น ข้าอยากจะถามความเจ้าสักข้อหนึ่ง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องตอบโดยจริงต่อหน้าพระนามของพระเจ้า ซึ่งตราจารึกอยู่บนปากหม้อทองแดง และต่อหน้าพระนามของพระ เจ้าโซโลมอนผู้โอรสดาวิด อันพระนามที่กล่าวนี้เจ้าย่อมเกรงกลัวเคารพนับถือ

พอปีศาจใจร้ายได้ยินออกพระนามพระอาหล่า และพระ เจ้าโซโลมอนดังนั้น ก็เกิดความหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา ไม่กล้า จะมีเสียงดุร้ายต่อไปอีก จึงตอบกับคนหาปลาว่า เจ้าจะถามอะไร ก็ให้ว่าไป ขอให้ถามไว ๆ เท่านั้น ต่อหน้าพระนามของพระเจ้า


ข้าจะตอบเจ้าตามความจริงเสมอ คนหาปลาได้ฟังคํามั่นสัญญาดัง นั้นจึงพูดว่า นี่แน่ะปีศาจ ตามเรื่องราวของเจ้าที่เล่าให้ฟังว่า เจ้าอยู่ในหม้อทองแดงนี้ ข้ายังสงสัยอยู่ เพราะไม่เชื่อว่าเจ้าจะ เข้าไปอยู่ในหม้อทองแดงใบเล็กนิดเดียวได้อย่างไร ตัวเจ้าใหญ่โต เพียงแต่ตีนอย่างเดียวก็แน่นหม้อเสียแล้ว ปิศาจตอบว่า ข้าสาบานได้ว่าเรื่องราวของข้าที่เล่าให้เจ้านั่งนั้นจริงทั้งสิ้น ข้าถูก ยังอยู่ในหม้อทองแดงใบนี้จริง ๆ

คนหาปลายั่วให้เหลิงว่า ข้าไม่เชื่อหรอก ตัวเจ้าใหญ่จะเข้าไปอยู่ในหม้อใบเล็กนิดได้อย่างไร เรื่องอย่างนี้ถ้าข้าเห็นด้วยตาเองนั่นแหละจึงจะเชื่อได้ ปีศาจ โง่ไม่ทันคิดหลงอุบายชาวประมง จึงพูดว่า เจ้าไม่เชื่อก็คอยดู

ทันใดนั้น รูปของปีศาจก็กลายกลับเป็นหมอกควันกระจายกลบไปทั่วท้องฟ้าอย่างที่กล่าวแล้วแต่ก่อน ค่อย ๆ เริ่มผ่อน เลื่อนลอยเข้าหม้อทองแดง จนหมอกควันภายนอกหมดสิ้นไป ทันที่นั้น มีเสียงร้องออกมาจากในหม้อว่าที่นี้แหละเจ้าเฒ่าชาวประมง เจ้าเชื่อหรือยังว่า ข้าสามารถเข้าอยู่ในหม้อได้

คนหาปลาไม่โต้ตอบว่ากระไร วิ่งไปเอาฝาหม้อปิดลง แล้วจึงกล่าวกะปีศาจว่า เฮยเจ้าผีใจร้าย ที่นี้เป็นคราวที่เจ้าจะ ต้องอ้อนวอนข้าบ้างละ แต่เจ้าจะอ้อนวอนอย่างไรข้าก็จะตอบเจ้า อย่างที่เจ้าตอบข้ากระนั้น จะผิดกันอยู่แต่ข้าไม่ยอมให้เจ้าเลือก เอาว่าจะตายสถานไร เพราะข้าเห็นว่าเอาเจ้าถ่วงน้ําไว้ตามเดิม จะดีกว่าฆ่าเจ้า ข้าจะมาปลูกเรือนอยู่ที่ชายทะเลตรงนี้ เพื่อคอย บอกกับชาวประมงทั้งหลายว่า ถ้าใครเคราะห์หามยามร้ายพบ เจ้าเข้า ก็อย่าได้เปิดฝาหม้อปล่อยให้เจ้าออกได้เป็นอันขาด ใคร พบปะเจ้าเข้าก็ให้เอาถ่วงลงไว้ตามเดิม เพราะเจ้าเป็นผู้อุบาทว์ ปฏิญาณไว้ว่า จะฆ่าผู้ช่วยความทุกข์ร้อนของเจ้าให้ตายตกไป

เมื่อปีศาจรู้สึกตัวว่าหลงกลมนุษย์ และได้ฟังถ้อยคําปรามาสดังนั้น ก็นึกโกรธ พยายามจะกลบออกมาจากหมออีก แต่จะดิ้นรนประการไรไม่สมปรารถนา เพราะดวงตราของพระเจ้า โซโลมอนผู้ศาสดาพยากรณ์โอรสพระเจ้าตาวิด ป้องกันไว้มิให้มัน ออกได้ มันรู้สึกนึกรู้ตัวว่าคนหาปลาเป็นต่ออยู่ จึงกลั้นโทสะเสีย เปลี่ยนเสียงพูดเป็นอ้อนวอนว่า

ท่านผู้ใจดีขอจงเปิดฝาหม้อออกเถิด ข้าจะไม่ทําอันตรายท่าน ที่พูดเมื่อตะกันเป็นเพียงล้อเล่น เท่านั้น ไม่ควรจะเชื่อเอาเป็นจริงเป็นจัง

คนหาปลาได้ฟังจึง ตอบว่า เจ้าปีศาจร้ายผู้เนรคุณ เมื่อสักครู่แสดงอิทธิฤทธิ์ประหนึ่ง ว่าเป็นพญาผีผู้ทรงอํานาจ เวลานี้สิพูดเสียงอ่อนน้อมเป็นผีไม่มีศาล เจ้าอย่าหมายเลยว่าข้าจะเชื่อถ้อยคําของเจ้า ถ้าข้าโง่เขลา หลงเชื่อเจ้า ก็เห็นว่าจะเอาชีวิตไม่รอดแน่แล้ว มีอยู่ทางเดียว เท่านั้นที่ข้าควรจะทํา คือถ่วงเจ้าเสียบัดนี้

ปีศาจร้ายยังพยายาม อ้อนวอนอยู่อีกว่า ท่านจงสงสารเอ็นดูเปิดฝาหม้อให้ออกได้เถิด จะสมณาคุณท่านให้ถึงใจ จะปรารถนาสิ่งใดจะบันดาลให้ได้ทั้งสิ้น ชาวประมงค์ตอบว่าเจ้าปีศาจผู้ทรยศ อย่าอ้อนวอนให้เสียเวลาเลย ข้าไม่เชื่อเจ้าเป็นอันขาด เขารู้สัญดานเจ้าว่าเป็นผู้ไม่รู้จักคุณคน ถ้าช่วยเจ้าก็คงจะต้องทําแก่ข้าอย่างเดียว กับที่กษัตริย์กรีกทําแก่นายแพทย์ดูบันกระนั้น

ปิศาจถามว่าเรื่องเป็นอย่างไร ชาวประมงว่า ข้าจะเล่าให้ฟังก่อนก็ได้ แล้วจึงจะเอาเจ้าถ่วงลงท้องทะเลเสีย ชาว ประมงจึงเริ่มเล่านิยาย “เรื่องกษัตริย์กรกกับนายแพทย์ดูบันว่า”


*** เมื่อถึงคราวจะจบนิยายเรื่องเดิมก็จะขึ้นเรื่องใหม่ คือ “เรื่องกษัตริย์กรกกับนายแพทย์ดูบันว่า” เป็นถ้อยคําของสุลตานาเชเฮอร์ซาเอกราบทลสุลต่านชาห์เรียร์ และมีความ กล่าวเท้าถึงเวลาอุสาโยคเข้ามาแทรกแทบทุก ๆ เรื่องๆ ***

ตอนจบของเรื่อง “หลังจากเป็นอิสระจอมอสูรเลยมอบพรให้กับชาวประมง ขอให้เขาตกปลาได้เยอะๆ และยังบอกให้ชาวประมงนำปลาไปขายให้กับสุลต่านอีกด้วย เวลาต่อมาสุลต่านสอบถามถึงสถานที่หาปลาของชาวประมงและพระองค์ก็มาสำรวจทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งพระองค์ก็ได้พบกับทายาทของตนเอง เจ้าชายที่ครึ่งร่างกลายเป็นหิน หลังจากเหตุการณ์นั้นสุลต่านและชาวประมงก็กลายเป็นมิตรสหายกัน”

ขอขอบคุณ เนื้อหาหลักจากหนังสือ อาหรับราตี ของ มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป

Web: https://www.snf.or.th/2019/about-snf/

Facebook: https://www.facebook.com/snfsiam/

The post ชาวประมงและจอมอสูร appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
https://nekohimahime.online/2021/05/16/471/feed/ 0
อาลีบาบาและกองโจร https://nekohimahime.online/2021/05/16/467/ https://nekohimahime.online/2021/05/16/467/#respond Sun, 16 May 2021 12:00:33 +0000 https://nekohimahime.online/?p=467 อาลีบาบาและกาซิมพี่ชายของเขาเป็นบุตรชายของก พ่อค้า. หลังจากพ่อของพวกเขาเสียชีวิตคาซิมผู้ละโมบได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ร่ำรวยและมีฐานะดีสร้างธุรกิจของพ่อ อาลีบาบาแต่งงานกับหญิงยากจนและตั้งรกรากค้าขายก คนตัดไม้. วันหนึ่งอาลีบาบาทำงานเก็บและตัดฟืนในป่าเมื่อเขาได้ยินกลุ่มโจร 40 คนมาเยี่ยมสมบัติที่เก็บไว้ สมบัติของพวกเขาอยู่ในถ้ำซึ่งปากของมันถูกปิดผนึกด้วยหินขนาดใหญ่ มันเปิดขึ้นด้วยคำวิเศษ “เปิดงา“และประทับตราบนคำว่า” ปิดงา “เมื่อโจรหายไปอาลีบาบาเข้าไปในถ้ำด้วยตัวเองและนำเหรียญทองถุงเดียวกลับบ้าน อาลีบาบาและภรรยาของเขายืมพี่สะใภ้ของเขา เครื่องชั่ง เพื่อชั่งน้ำหนักความมั่งคั่งใหม่ของพวกเขา ภรรยาของคาซิมที่ไม่เป็นที่รู้จักสำหรับพวกเขาวางขี้ผึ้งหยดหนึ่งในตาชั่งเพื่อค้นหาว่าอาลีบาบาใช้พวกมันเพื่ออะไรในขณะที่เธออยากรู้ว่าพี่เขยที่ยากจนของเธอต้องใช้เมล็ดข้าวชนิดใดในการวัด ด้วยความตกใจเธอพบเหรียญทองติดอยู่ที่ตาชั่งและบอกสามีของเธอ ภายใต้แรงกดดันจากพี่ชายอาลีบาบาถูกบังคับให้เปิดเผยความลับของถ้ำ คาซิมไปที่ถ้ำและพาลาไปด้วยเพื่อเอาสมบัติให้ได้มากที่สุด เขาเข้าไปในถ้ำด้วยคำวิเศษ อย่างไรก็ตามด้วยความโลภและความตื่นเต้นในสมบัติเขาลืมคำพูดที่จะออกไปอีกครั้งและจบลงด้วยการติดกับดัก พวกโจรพบเขาที่นั่นและฆ่าเขา เมื่อพี่ชายของเขาไม่กลับมาอาลีบาบาไปที่ถ้ำเพื่อมองหาเขาและพบศพ ควอร์เตอร์ และแต่ละชิ้นจะแสดงอยู่ภายในทางเข้าถ้ำเพื่อเป็นการเตือนคนอื่น ๆ ที่อาจพยายามเข้าไป อาลีบาบานำศพกลับบ้านที่ซึ่งเขามอบหมาย Morgianaทาสสาวผู้ชาญฉลาดจากครอบครัวของคาซิมโดยมีหน้าที่ทำให้คนอื่นเชื่อว่ากาซิมเสียชีวิตโดยธรรมชาติ อันดับแรก Morgiana ซื้อยาจาก เภสัชกรโดยบอกเขาว่ากาซิมป่วยหนัก จากนั้นเธอก็พบว่าเก่า ช่างตัดเสื้อ รู้จักกันในชื่อบาบามุสตาฟาที่เธอจ่ายผ้าปิดตาและพาไปที่บ้านของคาซิม ที่นั่นในชั่วข้ามคืนช่างตัดเสื้อจะเย็บชิ้นส่วนร่างกายของกาซิมกลับเข้าด้วยกัน อาลีบาบาและครอบครัวสามารถให้กาซิมฝังศพได้อย่างเหมาะสมโดยไม่มีใครสงสัย พวกหัวขโมยที่ค้นพบร่างนั้นหายไปแล้วตระหนักว่าอีกคนต้องรู้ความลับของพวกเขาและพวกเขาก็ออกตามหาเขา โจรคนหนึ่งลงไปในเมืองและพบกับบาบามุสตาฟาซึ่งระบุว่าเขาเพิ่งเย็บศพของคนตายกลับเข้าด้วยกัน เมื่อรู้ว่าคนตายต้องเป็นเหยื่อของโจรขโมยจึงขอให้บาบามุสตาฟานำทางไปยังบ้านที่ทำกรรม ช่างตัดเสื้อถูกปิดตาอีกครั้งและในสภาพนี้เขาสามารถย้อนรอยก้าวและหาบ้านได้ ขโมยทำเครื่องหมายที่ประตูด้วยสัญลักษณ์เพื่อให้โจรคนอื่นกลับมาในคืนนั้นและฆ่าทุกคนในบ้าน อย่างไรก็ตาม Morgiana ผู้ซึ่งภักดีต่อเจ้านายของเธอพบเห็นโจรผู้ซึ่งภักดีต่อเจ้านายของเธอได้ขัดขวางแผนการของโจรด้วยการทำเครื่องหมายบ้านทั้งหมดในละแวกใกล้เคียงในลักษณะเดียวกัน เมื่อโจร 40 คนกลับมาในคืนนั้นพวกเขาไม่สามารถระบุบ้านที่ถูกต้องได้และหัวหน้าของพวกเขาก็สังหารโจรที่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยความโกรธเกรี้ยว วันรุ่งขึ้นโจรอีกคนมาเยี่ยมบาบามุสตาฟาและพยายามอีกครั้ง คราวนี้ชิ้นส่วนก็หลุดออกจากขั้นบันไดหินที่ประตูหน้าของอาลีบาบา อีกครั้ง Morgiana ขัดขวางแผนโดยการทำชิปที่คล้ายกันในประตูอื่น ๆ ทั้งหมดและขโมยคนที่สองก็ถูกฆ่าตายเพราะความล้มเหลวของเขาเช่นกัน ในที่สุดหัวหน้าโจรก็ไปดูตัว คราวนี้เขาจดจำทุกรายละเอียดที่ทำได้จากภายนอกบ้านของอาลีบาบา หัวหน้าโจรแอบอ้างเป็นพ่อค้าน้ำมันเพื่อต้องการการต้อนรับของอาลีบาบาโดยพาเขามาด้วย ล่อ เต็มไปด้วยกระปุกน้ำมัน 38 อันอันหนึ่งเต็มไปด้วยน้ำมันอีก 37 กระปุกซ่อนตัวขโมยอีกคนที่เหลือ เมื่ออาลีบาบาหลับแล้วพวกโจรก็วางแผนที่จะฆ่าเขา…

The post อาลีบาบาและกองโจร appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>

อาลีบาบาและกาซิมพี่ชายของเขาเป็นบุตรชายของก พ่อค้า. หลังจากพ่อของพวกเขาเสียชีวิตคาซิมผู้ละโมบได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ร่ำรวยและมีฐานะดีสร้างธุรกิจของพ่อ อาลีบาบาแต่งงานกับหญิงยากจนและตั้งรกรากค้าขายก คนตัดไม้.

วันหนึ่งอาลีบาบาทำงานเก็บและตัดฟืนในป่าเมื่อเขาได้ยินกลุ่มโจร 40 คนมาเยี่ยมสมบัติที่เก็บไว้ สมบัติของพวกเขาอยู่ในถ้ำซึ่งปากของมันถูกปิดผนึกด้วยหินขนาดใหญ่ มันเปิดขึ้นด้วยคำวิเศษ “เปิดงา“และประทับตราบนคำว่า” ปิดงา “เมื่อโจรหายไปอาลีบาบาเข้าไปในถ้ำด้วยตัวเองและนำเหรียญทองถุงเดียวกลับบ้าน

อาลีบาบาและภรรยาของเขายืมพี่สะใภ้ของเขา เครื่องชั่ง เพื่อชั่งน้ำหนักความมั่งคั่งใหม่ของพวกเขา ภรรยาของคาซิมที่ไม่เป็นที่รู้จักสำหรับพวกเขาวางขี้ผึ้งหยดหนึ่งในตาชั่งเพื่อค้นหาว่าอาลีบาบาใช้พวกมันเพื่ออะไรในขณะที่เธออยากรู้ว่าพี่เขยที่ยากจนของเธอต้องใช้เมล็ดข้าวชนิดใดในการวัด ด้วยความตกใจเธอพบเหรียญทองติดอยู่ที่ตาชั่งและบอกสามีของเธอ ภายใต้แรงกดดันจากพี่ชายอาลีบาบาถูกบังคับให้เปิดเผยความลับของถ้ำ คาซิมไปที่ถ้ำและพาลาไปด้วยเพื่อเอาสมบัติให้ได้มากที่สุด เขาเข้าไปในถ้ำด้วยคำวิเศษ อย่างไรก็ตามด้วยความโลภและความตื่นเต้นในสมบัติเขาลืมคำพูดที่จะออกไปอีกครั้งและจบลงด้วยการติดกับดัก พวกโจรพบเขาที่นั่นและฆ่าเขา เมื่อพี่ชายของเขาไม่กลับมาอาลีบาบาไปที่ถ้ำเพื่อมองหาเขาและพบศพ ควอร์เตอร์ และแต่ละชิ้นจะแสดงอยู่ภายในทางเข้าถ้ำเพื่อเป็นการเตือนคนอื่น ๆ ที่อาจพยายามเข้าไป

อาลีบาบานำศพกลับบ้านที่ซึ่งเขามอบหมาย Morgianaทาสสาวผู้ชาญฉลาดจากครอบครัวของคาซิมโดยมีหน้าที่ทำให้คนอื่นเชื่อว่ากาซิมเสียชีวิตโดยธรรมชาติ อันดับแรก Morgiana ซื้อยาจาก เภสัชกรโดยบอกเขาว่ากาซิมป่วยหนัก จากนั้นเธอก็พบว่าเก่า ช่างตัดเสื้อ รู้จักกันในชื่อบาบามุสตาฟาที่เธอจ่ายผ้าปิดตาและพาไปที่บ้านของคาซิม ที่นั่นในชั่วข้ามคืนช่างตัดเสื้อจะเย็บชิ้นส่วนร่างกายของกาซิมกลับเข้าด้วยกัน อาลีบาบาและครอบครัวสามารถให้กาซิมฝังศพได้อย่างเหมาะสมโดยไม่มีใครสงสัย

พวกหัวขโมยที่ค้นพบร่างนั้นหายไปแล้วตระหนักว่าอีกคนต้องรู้ความลับของพวกเขาและพวกเขาก็ออกตามหาเขา โจรคนหนึ่งลงไปในเมืองและพบกับบาบามุสตาฟาซึ่งระบุว่าเขาเพิ่งเย็บศพของคนตายกลับเข้าด้วยกัน เมื่อรู้ว่าคนตายต้องเป็นเหยื่อของโจรขโมยจึงขอให้บาบามุสตาฟานำทางไปยังบ้านที่ทำกรรม ช่างตัดเสื้อถูกปิดตาอีกครั้งและในสภาพนี้เขาสามารถย้อนรอยก้าวและหาบ้านได้ ขโมยทำเครื่องหมายที่ประตูด้วยสัญลักษณ์เพื่อให้โจรคนอื่นกลับมาในคืนนั้นและฆ่าทุกคนในบ้าน อย่างไรก็ตาม Morgiana ผู้ซึ่งภักดีต่อเจ้านายของเธอพบเห็นโจรผู้ซึ่งภักดีต่อเจ้านายของเธอได้ขัดขวางแผนการของโจรด้วยการทำเครื่องหมายบ้านทั้งหมดในละแวกใกล้เคียงในลักษณะเดียวกัน เมื่อโจร 40 คนกลับมาในคืนนั้นพวกเขาไม่สามารถระบุบ้านที่ถูกต้องได้และหัวหน้าของพวกเขาก็สังหารโจรที่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยความโกรธเกรี้ยว วันรุ่งขึ้นโจรอีกคนมาเยี่ยมบาบามุสตาฟาและพยายามอีกครั้ง คราวนี้ชิ้นส่วนก็หลุดออกจากขั้นบันไดหินที่ประตูหน้าของอาลีบาบา อีกครั้ง Morgiana ขัดขวางแผนโดยการทำชิปที่คล้ายกันในประตูอื่น ๆ ทั้งหมดและขโมยคนที่สองก็ถูกฆ่าตายเพราะความล้มเหลวของเขาเช่นกัน ในที่สุดหัวหน้าโจรก็ไปดูตัว คราวนี้เขาจดจำทุกรายละเอียดที่ทำได้จากภายนอกบ้านของอาลีบาบา

หัวหน้าโจรแอบอ้างเป็นพ่อค้าน้ำมันเพื่อต้องการการต้อนรับของอาลีบาบาโดยพาเขามาด้วย ล่อ เต็มไปด้วยกระปุกน้ำมัน 38 อันอันหนึ่งเต็มไปด้วยน้ำมันอีก 37 กระปุกซ่อนตัวขโมยอีกคนที่เหลือ เมื่ออาลีบาบาหลับแล้วพวกโจรก็วางแผนที่จะฆ่าเขา อีกครั้งมอร์เจียน่าค้นพบและล้มเหลวในแผนสังหารหัวขโมย 37 คนในขวดน้ำมันด้วยการเทน้ำมันเดือดใส่พวกเขา เมื่อหัวหน้าของพวกเขามาปลุกคนของเขาเขาก็พบว่าพวกเขาทั้งหมดตายและหลบหนี เช้าวันรุ่งขึ้น Morgiana บอก Ali Baba เกี่ยวกับขโมยในไห พวกเขาฝังศพพวกเขาและอาลีบาบาแสดงความขอบคุณโดยให้อิสระแก่มอร์เกียนา

เพื่อล้างแค้นหัวหน้าโจรจึงตั้งตัวเองเป็นพ่อค้ามาตีลูกชายของอาลีบาบา (ซึ่งตอนนี้ดูแลธุรกิจของคาซิมผู้ล่วงลับ) และได้รับเชิญให้ไปรับประทานอาหารค่ำที่บ้านของอาลีบาบา อย่างไรก็ตามขโมยได้รับการยอมรับจาก Morgiana ซึ่งเป็นผู้แสดง การเต้นรำดาบ ด้วยกริชสำหรับนักทานและแทงเข้าไปในใจของโจรเมื่อเขาไม่อยู่ในยาม ตอนแรกอาลีบาบาโกรธมอร์เกียนา แต่เมื่อเขาพบว่าโจรต้องการฆ่าเขาเขารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งและให้รางวัลมอร์เจียน่าด้วยการแต่งงานกับลูกชายของเขา จากนั้นอาลีบาบาถูกทิ้งให้เป็นเพียงคนเดียวที่รู้ความลับของสมบัติในถ้ำและวิธีการเข้าถึง

The post อาลีบาบาและกองโจร appeared first on Tale of Neko Hima Hime.

]]>
https://nekohimahime.online/2021/05/16/467/feed/ 0