ยังมีอาจารย์เซนผู้เลื่องชื่อแห่งแดนอาทิตย์อุทัยนาม “ไป๋อิ่น” ซึ่งในสายตาของผู้คนในละแวกนั้นเห็นว่า ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งยังเปี่ยมเมตตา
ครั้งหนึ่ง บุตรีของเพื่อนบ้านเกิดตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน ทำให้บิดามารดาของนางโกรธมาก และขู่เข็ญให้นางสารภาพว่า บิดาของเด็กในครรภ์คือใคร
ทว่าเป็นตายอย่างไร นางก็ไม่ยอมบอก สุดท้ายภายใต้การบังคับของบุพการี นางจึงบอกว่า บิดาของเด็กในครรภ์คืออาจารย์เซนไป๋อิ่น
เมื่อทราบความ บิดามารดาของสตรีนางนั้นจึงเกิดบันดาลโทสะ เดินทางมาต่อว่าอาจารย์เซนอย่างหยาบคาย บรรดาชาวบ้านใกล้เคียงที่หมดศรัทธาต่อนักบวชรูปนี้ ก็พากันมารุมประณาม ทว่าอาจารย์เซนไป๋อิ่นเพียงกล่าวคำเดียวว่า
"อย่างนั้นหรอกหรือ?" จากนั้นจึงรับปากอุปการะเด็กที่จะเกิดมา
เมื่อทารกถือกำเนิดขึ้นมา อาจารย์เซนก็รับมาอาศัยอยู่ที่อารามเซน ทั้งยังรับผิดชอบดูแลทารกน้อยไม่ขาดตกบกพร่อง
เวลาผ่านไปราว 1 ปี สตรีผู้เป็นมารดาของทารกน้อยอดรนทนไม่ไหว สุดท้ายก็สารภาพต่อบุพการีของตนเอง…
ยังมีอุบาสกผู้หนึ่งเดินอยู่บริเวณริมหาดทราย พบเห็นคนเรือกำลังลากเรือจากหาดทรายลงน้ำเพื่อเตรียมโดยสารคนออกไป ยามนั้นเองอาจารย์เซนเดินผ่านมา อุบาสกผู้นี้จึงเข้าไปเอ่ยถามอาจารย์เซนว่า "ท่านอาจารย์ เมื่อตะกี้คนเรือลากเรือจากหาดทรายลงไปในน้ำเพื่อรับผู้โดยสาร ทำให้บรรดากุ้ง หอย ปู ปลา ริมหาดโดนเรือทับตายไปเป็นจำนวนมาก ไม่ทราบว่าในกรณีนี้บาปกรรมจะตกอยู่ที่คนเรือหรืออยู่ที่ผู้โดยสารกันแน่?"
อาจารย์เซนไม่ขบคิดให้มากความ กล่าวตอบว่า "ไม่ใช่บาปของผู้โดยสาร และไม่ใช่บาปของคนเรือ"
"สองฝ่ายล้วนไม่บาป เช่นนั้นบาปกรรมอยู่ที่ใครเล่า?" อุบาสกยังคงไม่กระจ่าง ถามต่อไป
มิคาด อาจารย์เซนกลับจ้องอุบาสกพลางตอบว่า "บาปกรรมล้วนตกอยู่ที่ตัวท่าน!"
คนเรือทำงานสุจริตหาเลี้ยงชีพ ผู้โดยสารเพียงหวังโดยสารเรือออกเดินทาง กุ้ง หอย ปู ปลา ซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนทรายจึงโดนเรือทับ กรรมมิใช่เพียงสองฝ่ายแต่เป็นสามฝ่าย…
ยังมีแม่ทัพใหญ่ผู้หนึ่ง ในใจมีคำถามที่ขบคิดไม่เข้าใจอยู่ 3 ประการ จึงได้ตัดสินใจปลอมแปลงตนเองด้วยเครื่องแต่งกายของชาวบ้านธรรมดา แล้วออกเดินทางขึ้นเขา เพื่อไปขอให้อาจารย์เซนชี้แจงแถลงคำตอบของปัญหาทั้ง 3 ข้อนี้ต่อเขา
เมื่อแม่ทัพเสาะหาจนพบอาจารย์เซนกำลังขุดดินดายหญ้าอยู่ในแปลงผัก แม่ทัพจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า
“ข้ามีปัญหารบกวนจิตใจอยู่ 3 ประการที่ต้องการคำชี้แนะจากท่านอาจารย์ ข้อแรกคือ เวลาใด ที่สำคัญที่สุด? ข้อสองคือ ในการร่วมกันทำงานนั้น บุคคลที่สำคัญที่สุดคือใคร? ข้อสุดท้ายคือ สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรกระทำคืออะไร?”
ทว่าอาจารย์เซนไม่เพียงไม่ตอบคำถาม แต่ยังก้มหน้าก้มตาขุดดินดายหญ้าต่อไป ฝ่ายแม่ทัพเห็นว่าอาจารย์เซนอายุมาก ทั้งยังผอมแห้งแรงน้อย จึงอาสาช่วยขุดดินแทนให้…
ยังมีศิษย์เซนผู้หนึ่ง เฝ้าพร่ำถามอาจารย์เซนทุกวันว่า “สิ่งใดคือคุณค่าที่แท้จริงของคนเรา?” วันหนึ่งอาจารย์เซนเดินออกมาจากห้องพร้อมกับก้อนหินหนึ่งก้อน จากนั้นเอ่ยกับศิษย์เจ้าปัญหาว่า “เจ้าจงเอาก้อนหินก้อนนี้ไปเร่ขายยังท้องตลาด แต่ไม่จำเป็นต้องขายออกไปจริงๆเพียงแค่ทำให้มีผู้มาเสนอราคาขอซื้อ ก็เพียงพอแล้ว ลองดูสิว่าตลาดจะให้ราคาของก้อนหินก้อนนี้เท่าไหร่” ศิษย์เซนนำก้อนหินไปเร่ขายยังท้องตลาดมีคนเห็นว่าหินก้อนนี้ทั้งใหญ่และเรียบสว จึงให้ราคา 2 ตำลึง อีกผู้หนึ่งเห็นว่าหินก้อนนี้น่าจะนำไปทำเป็นลูกกลิ้งหรือลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักได้อย่างดีจึงให้ราคาถึง 10 ตำลึง หลังจากนั้นแม้ว่าจะมีผู้แวะเวียนเข้ามาชมดูก้อนหินมากมายแต่ราคาที่สูงสุดที่ได้จากท้องตลาดคือ 10 ตำลึงเมื่อศิษย์เซนนำก้อนหินกลับมายังวัดก็ถ่ายทอดเรื่องราวที่ตนเร่ขายก้อนหินธรรมดาๆ จนได้ราคาถึง 10 ตำลึงให้อาจารย์ฟังด้วยความยินดียิ่งเมื่อฟังจบ อาจารย์เซนเพียงแต่กล่าวว่า “เจ้าจงนำหินก้อนนี้ไปเร่ขายอีกครั้ง ยังตลาดค้าทอง” ศิษย์เซนจึงเดินทางไปยังตลาดค้าทอง จากนั้นนำก้อนหินออกมาเร่ขาย คราวนี้เพียงแค่เริ่มต้นก็มีผู้เสนอราคาก้อนหินถึง 1 พันตำลึง จากนั้นราคาก็ขึ้นมาเป็น 1 หมื่นตำลึงและสุดท้ายจบลงที่ราคาสิบหมื่นตำลึง เมื่อศิษย์เซนเห็นผลลัพธ์เกินความคาดหมายถึงเพียงนั้นจึงรีบกลับมารายงานอาจารย์เซน ทว่าอาจารย์เซนเพียงกล่าวว่า “พรุ่งนี้เจ้าจงนำก้อนหินก้อนนี้ไปเร่ขายยังตลาดค้าเพชรพลอย…
ซามูไรผู้หนึ่งมีลูกชาย 3 คน ต่างก็มีความเชี่ยวชาญในเชิงซามูไร พอถึงวาระที่ซามูไรผู้พ่อจะต้องมอบตราประจำตระกูล ให้ลูกชายเพื่อสืบทอดต่อไปนั้น เขาก็ใช้วิธีทดสอบความสามารถของลูกๆ ทั้ง 3 คน ซามูไรผู้พ่อคิดวิธีได้แล้วก็เข้าไปนั่งอยู่ในห้องแล้วหับประตูไว้ ประตูห้องแบบญี่ปุ่นเป็นแบบฉากเลื่อนและบนประตูแบบฉากเลื่อนนี้เอง ซามูไรผู้พ่อก็นำเอาหมอนลูกหนึ่งขึ้นไปวางไว้แล้วแกก็เรียกให้ลูกชายเข้าไปหาทีละคน
ลูกชายคนโตถูกเรียกก่อน เมื่อเดินไปถึงประตูเลื่อนพอขยับประตูก็มองเห็นหมอนอยู่ข้างบนจึงเอื้อมมือไปหยิบแล้วเลื่อนประตูเข้าไปหาพ่อ ซามูไรผู้พ่อสั่งให้เอาหมอนไปไว้ที่เดิมแล้วให้นั่งรออยู่ในห้อง
ลูกชายคนกลางถูกเรียกเป็นคนต่อไป เมื่อเดินไปถึงประตูก็เลื่อนประตูเปิด ทันใดนั้นหมอนก็ตกลงมาลูกชายคนกลางรีบรับเอาไว้ทันทีโดยแทบไม่มีเสียงเลยแล้วจึงเดินเขาไปหาพ่อ ซามูไรผู้พ่อจึงสั่งให้เอาหมอนไปวางไว้ที่เดิมแล้วให้นั่งรออยู่ในห้องเช่นกัน
ลูกชายคนเล็กถูกเรียกเป็นคนสุดท้ายพอเดินถึงประตูก็เลื่อนเปิดทันที หมอนก็ตกลงมา แว็บเดียวดาบซามูไรก็ปลิวออกจากฝักในชั่วพริบตา หมอนถูกฟันจนนุ่นปลิวว่อนแล้วเสียบดาบลงฝักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แทบไม่มีใครเห็นใบดาบซามูไรเลยก็ว่าได้แล้วลูกชายคนเล็กก็เดินอย่างสง่าและสงบเข้าไปหาพ่อ ถ้าเป็นท่าน ๆจะมอบตำแหน่งให้ลูกคนไหน ?
ซามูไรผู้พ่อได้พูดกับลูกทั้งสามว่า “เจ้าเล็ก…
มีพระพรรษามากกับพรรษาน้อยสองรูปเดินทางไปด้วยกัน จนกระทั่งทั้งคู่ต้องข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ จำเป็นต้องเดิน ข้ามเพราะสะพานข้ามแม่น้ำขาดเสียหาย
พระทั้งสองรูปพบผู้หญิงผู้หนึ่งคนซึ่งไม่สามารถข้ามแม่น้ำ ไปได้เนื่องจากสะพานขาดนั้นพระพรรษามากจึงอาสาจะ ให้ผู้หญิงนั้นขี่หลังแล้วข้ามฟากไป พระพรรษาน้อยเห็น อย่างนั้นจึงรู้สึกขุ่นเคืองว่าทำไมพระพรรษามากจึงทำ อย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นพระไม่ควรจะสัมผัสหรือใกล้ชิด ผู้หญิงขนาดนี้ แต่ก็คิดอยู่ในใจไม่ได้ถามพระพรรษามาก
หลังจากที่ข้ามฟากเสร็จพระทั้งสองรูปและผู้หญิงต่างก็ แยกย้ายไปตามทางของตนแต่ในใจของพระพรรษาน้อย ยังคงคิดวนเวียนตั้งคำถามในใจตลอดเวลาว่าการกระทำ ของพระพรรษามากนั้นไม่เป็นการสมควรกับนักบวชคิด วุ่นวายอยู่อย่างนั้นเก็บเงียบอยู่ในใจไม่ถามพระพรรษามาก
ท่านคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นทำให้ท่านแทบบ้าจนมาถึงจุด หยุดพักพระพรรษาน้อยอดทนเก็บเรื่องในใจต่อไปอีก ไม่ไหวจึงถามพระพรรษามากกว่าท่าน ทำไมไม่สำรวมถึง ความเป็นพระเลย ทำไมถึงได้สัมผัสผู้หญิงและผู้หญิง คนนั้นเป็นคนสวยเสียด้วย ท่านเป็นคนบอกผมเองว่าท่าน เป็นพระที่บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ?
พระพรรษามากประหลาดใจแล้วย้อนกลับไปถาม…
พระชิงหลวนแห่งญี่ปุ่น เมื่อตอนที่อายุ 9 ขวบ ก็คิดที่จะออกบวชจึงไปขอบวชกับพระอาจารย์ฉือเจิ้น พระอาจารย์บอกว่า “เจ้าอายุยังน้อย คิดจะบวชทำไม?” ชิงหลวนตอบว่า “แม้ข้าพเจ้าจะอายุยังน้อย แต่พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว และเพราะเหตุว่าข้าพเจ้าไม่รู้ว่า คนเราทำไมต้องตาย ทำไมต้องแยกจากพ่อแม่เพื่อที่จะสืบค้นหาต้นตอของสิ่ง เหล่านี้ ข้าพเจ้าจึงต้องบวช” พระอาจารย์รู้สึกชมชอบอุดมการณ์อันดีนั้น จึงพูดว่า “ดีแล้ว อาจารย์จะรับเจ้าเป็นศิษย์ แต่คืนนี้ก็ค่ำแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะทำการบวชให้เจ้า” แต่ชิงหลวนพูดว่า “ข้าพเจ้าอายุยังน้อย ไม่ทราบว่าจะรักษาความคิดที่จะบวชจนถึงพรุ่งนี้ได้หรือ เปล่า และท่านอาจารย์ก็อายุมากแล้ว ก็ไม่สามารถจะรับรองได้ว่า พรุ่งนี้เช้าอาจารย์จะยังมีชีวิตอยู่อีกหรือเปล่า” พระอาจารย์ฟังแล้วรู้สึกปลื้มปีติยิ่งนัก บอกว่า “ถูกต้อง…
มีเศรษฐีคนหนึ่ง เห็นยาจกคนหนึ่งตกปลาอยู่ริมทะเลจึงเดินเข้าไปแล้วพูดว่า
เศรษฐี “เจ้าทำไมไม่คิดหาวิธีที่จะตกปลาให้ได้มากกว่านี้ เช่นว่าซื้อเรือมาสักลำ” ยาจก “ข้าจะต้องทำอย่างนั้นทำไม” เศรษฐี “ถ้าหากเจ้าซื้อเรือ เจ้าก็จะออกไปตกปลาได้ไกลกว่านี้ ที่นั่นย่อมมีปลามากกว่านี้” ยาจก “หลังจากนั้นล่ะ” เศรษฐี “หลังจากนั้นเจ้าก็นำเงินที่ได้จากการตกปลาไปซื้อเรือที่ใหญ่กว่านี้ ไปตกในที่ลึกกว่านี้ ย่อมจะได้ปลามากกว่านี้” ยาจก “หลังจากนั้นล่ะ” เศรษฐี “หลังจากนั้นเจ้าก็จะตกปลาที่นี่อย่างหมดความกังวลใดๆ” ยาจก “ตอนนี้ข้าก็ตกปลาอยู่ที่นี่อย่างไม่มีความกังวลใดอยู่แล้ว”
わらしべ長者
เลื่อน >>
…
The Legend of Momotaro
เลื่อน >>
…