อาจารย์เซนฝอกวงมุ่งหวังที่จะเผยแผ่พุทธศาสนานิกายเซนออกไปให้มากที่สุด จึงดำริให้มีกิจกรรมเกี่ยวกับศาสนาหลายประการ ส่วนเหล่าพระลูกศิษย์ ด้วยความที่อยากจะสานต่อความหวังของพระอาจารย์ ในการเผยแผ่ศาสนา จึงได้ร่วมใจกันชี้นำให้อุบาสก อุบาสิกา ทำบุญสุนทาน เพื่อนำปัจจัยมาทำนุบำรุงศาสนา
วันหนึ่ง เมื่ออาจารย์ฝอกวงเดินทางกลับมาจากจาริกธรรมยังวัดหงฝ่า มณฑลเจ้อเจียง เหล่าพระลูกศิษย์จึงพากันมารายงานผลงานของตน
พระลูกศิษย์ผู้หนึ่งกล่าวอย่างปลามปลื้มใจว่า
“อาจารย์ วันนี้ศิษย์เทศนาจนโยมที่ท่าทางไม่ได้ร่ำรวยผู้หนึ่ง ควักเงินบริจาคทานถึงหนึ่งร้อยตำลึง โยมผู้นั้นระบุว่ามอบไว้ให้สำหรับสร้างอุโบสถแห่งใหม่”
ต่อมาพระลูกศิษย์อีกผู้หนึ่ง ก็รายงานอาจารย์ด้วยความยินดีว่า
“วันนี้มีโยมที่กำลังไว้ทุกข์ผู้หนึ่ง เดินทางมากราบท่านอาจารย์ ศิษย์เลยเทศนาเขาเรื่องการทำบุญสุนทาน สุดท้าย โยมผู้นั้นตกลงใจมอบธัญพืชที่เก็บไว้สำหรับบริโภคในครอบครัว มาให้วัดเราจำนวนมาก พอฉันไปตลอดทั้งปี”
จากนั้น บรรดาพระลูกศิษย์อื่นๆ ก็รายงานถึงการบริจาคทานของอุบาสก อุบาสิกา ผู้ศรัทธาในคำสอนของนิกายเซน เมื่อฟังจบ อาจารย์เซนฝอกวงกลับขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลางกล่าวกับเหล่าศิษย์ว่า
“พวกท่านลำบากมากแล้ว น่าเสียดายที่พวกท่านรับบิณฑบาตทานมามากมายแต่กลับไม่ได้รับบุญกุศลแต่อย่างใด”
เหล่าศิษย์ล้วนไม่เข้าใจ กล่าวถามว่า “เหตุใดรับบิณฑบาตมาก แต่กลับไม่เป็นผลดี”
อาจารย์เซนฝอกวงจึงกล่าวว่า “การหวังแต่จะให้อุบาสกอุบาสิกาเป็นผู้บริจาคปัจจัย เพื่อค้ำจุนศาสนานั้น ไม่ถูกต้อง คล้ายดั่งการฆ่าไก่เอาไข่ เพราะมีแต่เมื่อศาสนิกชนรุ่งเรือง ศาสนาจึงค่อยรุ่งเรือง ศาสนิกชนบริจาคทานปัจจัย ต้องไม่มากเกินควร จนทำให้ตนเองเดือดร้อน ผู้ศึกษาเซนอย่างเรา ไม่พึงคิดถึงแต่ตน แต่ยิ่งต้องคำนึงถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง”