กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมา ที่ละแวกนะกะยะมะใกล้ ๆ หมู่บ้านของพวกเรา มีปราสาทเล็ก ๆ อยู่ แถบนี้มีท่านนะกะยะมะเป็นผู้ปกครอง ในป่าที่ห่างออกไปหน่อยจากแถบนะกะยะมะนี้ มีหมาจิ้งจอกชื่อ “กง” อาศัยอยู่
กงเป็นหมาจิ้งจอกตัวน้อย อาศัยอยู่เพียงลำพัง ขุดโพรงอาศัยอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยต้นเฟิร์นขึ้นหนา ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน กงจะออกไปแถว ๆ หมู่บ้าน ทำแต่เรื่องซุกซน ไปในไร่นา ขุดมันเทศกระจัดกระจายบ้าง จุดไฟเผาเปลือกเมล็ดเรปที่ตากอยู่บ้าง หรือเข้าไปที่ด้านหลังบ้านไร่ เด็ดพริกไทยที่เจ้าของแขวนตากไว้ มันก่อเรื่องมากมาย
เรื่องราวเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปีหนึ่ง ฝนตกติดต่อกันมาสองสามวันแล้ว ระหว่างนั้นกงออกไปข้างนอกไม่ได้เลย ได้แต่หมอบอยู่ภายในโพรง
พอฝนหยุดตก กงก็โล่งใจและออกจากโพรง ท้องฟ้าแจ่มใสปลอดโปร่ง นกอีเสือส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วกังวานใส
กงออกไปที่ริมตลิ่งแม่น้ำสายเล็ก ๆ ของหมู่บ้าน ยอดหญ้าซุซุกิแถวนั้นยังคงมีน้ำฝนเกาะพราว ตามปกติแม่น้ำสายนั้นมีน้ำน้อยอยู่เสมอ แต่เพราะฝนตกถึงสามวัน น้ำจึงเอ่อขึ้นมามาก หญ้าซุซุกิและกอต้นฮะงิริมตลิ่งซึ่งปกติน้ำท่วมไม่ถึงนั้น บัดนี้ล้มลู่ตามน้ำที่ขุ่นเป็นสีเหลือง กงเดินลุยบนทางเดินที่เป็นโคลนไปตามกระแสน้ำ
ทันใดนั้น กงเห็นคนอยู่ในแม่น้ำ กำลังทำอะไรอยู่สักอย่าง กงเดินเข้าไปซุ่มอยู่หลังหญ้าที่ขึ้นสูงเพื่อไม่ให้ใครมองเห็น และลอบมองไม่วางตา
เอ๊ะ…นั่นเฮียวจูนี่นา กงคิด
ชาวนานามว่าเฮียวจูถลกกิโมโนคร่ำคร่าที่สวมอยู่ขึ้นมา เดินลุยน้ำที่สูงถึงเอว ส่ายตาข่ายดักปลาที่ขึงกับไม้ที่ปักอยู่ ข้าง ๆ ใบหน้าที่คาดผ้าโพกหัวมีใบกลม ๆ ของต้นฮะงิหนึ่งใบติดอยู่ ดูคล้ายกับผ้าดำโพกหน้าผืนใหญ่ ผ่านไปครู่หนึ่ง เฮียวจูยกก้นตาข่ายตรงด้านหลังสุดที่คล้ายถุงขึ้นมาจากน้ำ ในนั้นมีรากต้นไม้ ใบหญ้า ท่อนไม้ผุ ๆ ผสมปนเปอยู่ก็จริง แต่บางที่ก็มีสีขาว ๆ วิบวับอยู่ด้วย นั่นคือท้องของปลาไหลตัวหนา และท้องของปลาเห็ดโคน เฮียวจูเอาปลาไหลและปลาเห็ดโคนใส่เข้าไปในกระชุปากสอบพร้อมกับสวะทั้งหลาย เสร็จแล้วผูกปากถุง ใส่ลงไปในน้ำอีก แล้วเฮียวจูก็ขึ้นจากน้ำ ถือกระชุมาวางบนตลิ่งแล้ววิ่งทวนน้ำ ดูท่าไปหาอะไรสักอย่าง
พอเฮียวจูไป กงก็กระโดดแผล็วออกจากกอหญ้า วิ่งไปที่ข้างกระชุ เกิดอยากจะทำเรื่องซุกซนขึ้นมาตงิด ๆ ว่าแล้วกงก็จับปลาออกมาจากกระชุ โยนลงไปในแม่น้ำตามแนวน้ำไหล ตรงที่เฮียวจูวางตาข่ายดักปลาไว้ ดังจ๋อม…จ๋อม
ปลาตัวแล้วตัวเล่ากระโดดลงน้ำผลุง ดำหายลงไปในน้ำปริ่มโคลน ท้ายสุดกงจับปลาไหลตัวอ้วน แต่ปลาไหลลื่นหลุดผลุบ ผลุบ กงใช้อุ้งเท้าจับไว้ไม่อยู่ มันเกิดฉุนขึ้นมา จึงมุดเข้าไปในกระชุ งับหัวปลาไหลไว้ ปลาไหลร้องจี๊ด เอาตัวพันคอกง ตอนนั้นเอง เฮียวจูขึ้นเสียงดังลั่นมาจากอีกฟาก
“เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้หมาจิ้งจอกขี้ขโมย”
กงตกใจกระโดดตัวลอย ทิ้งปลาไหลโดยไม่แยแส พยายามจะหนี แต่ปลาไหลพันรอบคอกงอยู่อย่างนั้นไม่ยอมคลาย มันกระโดดไปข้าง ๆ พยายามหนีเต็มที่ พอไปถึงต้นฮันโนะกิที่อยู่ใกล้โพรงที่ตัวเองอยู่ก็หันกลับไปมอง เฮียวจูไม่ได้วิ่งตามมา กงโล่งใจและกัดหัวปลาไหลเข้าไปดังกร๊วบ ในที่สุดมันก็เอากระชุออกจากหัวได้ แล้ววางไว้บนหญ้าที่อยู่นอกรังของมัน
ผ่านไปราวสิบวัน กงผ่านไปที่หมู่บ้าน ขณะที่กำลังเดินโต๋เต๋ผ่านหลังบ้านไร่ของชาวนานามว่ายะซุเกะ กงเห็นเมียของยะซุเกะยืนอยู่ใกล้ ๆ ต้นมะเดื่อพลางเอายาฟันดำถูฟันอยู่ และเมื่อมันผ่านไปที่ด้านหลังของบ้านช่างตีเหล็กนามว่าชิมเบ มันก็เห็นเมียของชิมเบกำลังสางผม
อืม…หมู่บ้านนี้ คงต้องมีอะไรสักอย่าง กงคิด
อะไรกันล่ะ? เทศกาลเก็บเกี่ยวกระมัง เอ…แต่ถ้าเป็นงานเทศกาล ก็น่าจะมีเสียงกลอง เสียงขลุ่ยสิ และคงต้องมีป้ายขึ้นที่ศาลเจ้าสิ?
ขณะที่คิดเรื่องนี้ไปด้วย เดินไปด้วย ไม่ทันไร กงก็มาถึงหน้าบ้านของเฮียวจู ซึ่งมีบ่อน้ำก่อด้วยอิฐสีแดงหน้าบ้าน ภายในบ้านหลังเล็กจะพังแหล่มิพังแหล่หลังนี้มีคนมารวมตัวกันมากมาย พวกผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนแบบครบชุด มีผ้าเช็ดหน้าห้อยอยู่ที่เอว ต่างติดไฟอยู่ที่เตา ในหม้อใบใหญ่ มีอะไรกำลังเดือดปุด ๆ
อ่า…งานศพนั่นเองM กงคิด คงมีคนในบ้านของเฮียวจูตาย
พอเลยเที่ยง กงไปที่สุสานประจำหมู่บ้าน แล้วไปแอบอยู่หลังรูปปั้นหินพระกษิติครรภโพธิสัตว์หกองค์ วันนั้นอากาศแจ่มใส ที่อีกด้านหนึ่งห่างไกลออกไป กระเบื้องหลังคาของปราสาทนะกะยะมะส่องประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ ที่สุสาน ดอกพลับพลึงตีนเป็ดออกดอกแดงเป็นแนวกว้างราวกับมีผ้าสีแดงคลุมพื้นอยู่
ทันใดนั้น เสียงระฆังดังมาจากทางหมูบ้าน โป๊ง…โป๊ง เสียงสัญญาณบ่งบอกงานศพนั่นเอง ไม่นานนักก็เริ่มเห็นขบวนงานศพที่มีผู้คนแต่งชุดกิโมโนสีขาวเคลื่อนตัวเข้ามาอยู่รำไร เสียงพูดคุยก็ได้ยินใกล้ขึ้น ขบวนงานศพเข้าไปที่สุสาน หลังจากที่ผู้คนผ่านไป ดอกพลับพลึงตีนเป็ดก็ตกอยู่ในสภาพถูกเหยียบย่ำ
กงชะเง้อคอมอง มันเห็นเฮียวจู เขาใส่ชุดกิโมโนสีขาวแบบซามูไรใส่และถือแผ่นป้ายชื่อ ใบหน้าที่ดูสดดุจมันเทศสีแดงนั้น วันนี้ดูเศร้าสร้อยเสียจริง
อ้อ…คนที่ตาย คงเป็นแม่ของเฮียวจู กงคิดเช่นนั้น พลางหดหัวกลับลงไป
คืนนั้น กงนอนคิดในโพรงของมัน
ไม่ผิดแน่…ตอนที่แม่ของเฮียวจูนอนป่วยอยู่บนเตียง ต้องพูดว่าอยากกินปลาไหลแน่ ๆ เลย เฮียวจูก็เลยเอาตาข่ายออกไปที่แม่น้ำเพื่อดักปลา แต่ว่าข้าทำเรื่องซน เอาปลาไหลกลับมา เฮียวจูเลยเอาปลาไหลไปให้แม่กินไม่ได้ แม่ตายทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้กินปลาไหล คงตายไปทั้ง ๆ ที่กำลังคิดว่า อ้า…อยากกินปลาไหล อยากกินปลาไหล โธ่เรา…ข้าไม่น่าทำเรื่องซนแบบนั้นเลย
เฮียวจูกำลังซาวข้าวสาลีอยู่ที่บ่อน้ำสีแดง เท่าที่ผ่านมาเฮียวจูกับแม่อยู่ด้วยกัน มีกันสองคน ใช้ชีวิตยากจนมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ พอแม่ตายเฮียวจูก็เหลือตัวคนเดียว
เฮียวจูอยู่ตัวคนเดียวเหมือนข้าอย่างนั้นหรือ
กงคิดเช่นนั้นขณะที่มองเฮียวจูอยู่ด้านหลังยุ้งใส่ของ
กงผละจากข้างยุ้งเก็บของ พอจะไปอีกทางหนึ่งก็ได้ยินเสียงร้องเร่ขายปลาอิวะชิมาจากไหนสักแห่ง
“อิวะชิถูก ๆ มาแล้ว อิวะชิสด ๆ จ้า”
กงวิ่งไปทางเสียงร้องแข็งขันที่เร่ขายปลาอยู่นั้น แล้วก็ได้ยินเสียงเมียของยะซุเกะจากประตูหลังบ้านพูดกับคนขายปลา
“ขอซื้อปลาอิวะชิหน่อยจ้ะ” เมียของยะซุเกะว่า
คนขายปลาหยุดรถที่ขนตะกร้าใส่ปลาอิวะชิไว้ที่ริมถนน ใช้สองมือหยิบปลาที่สะท้อนแสงวิบวับและเอาเข้าไปในบ้านของยะซุเกะ ในช่วงแวบหนึ่งนั้น กงคว้าปลาอิวะชิที่อยู่ในตะกร้าออกมาห้าหกตัว แล้วออกวิ่งกลับไปตามทางที่มาเมื่อครู่ ต่อมามันโยนปลาเข้าไปในบ้านของเฮียวจูจากทางประตูหลัง และมุ่งหน้ากลับโพรงของตัวเอง พอถึงบนเนินเขาระหว่างทางกลับ มันเหลียวหลังไปมอง เห็นเฮียวจูยังคงซาวข้าวสาลีอยู่ตรงบ่อน้ำเป็นภาพเล็ก ๆ
กงคิดว่าก่อนอื่นมันได้ทำเรื่องดี ๆ อย่างหนึ่งเพื่อชดเชยให้แก่เรื่องปลาไหลแล้ว
วันต่อมา กงเก็บเกาลัดที่ภูเขามาได้มากมาย มันหอบเกาลัดไปที่บ้านของเฮียวจู ลอบมองจากประตูหลังบ้านเข้าไป เห็นเฮียวจูกำลังจะกินอาหารกลางวัน เขาคิดอะไรเหม่อลอยขณะที่ถือถ้วยค้างไว้มืออยู่อย่างนั้น น่าแปลกที่บนแก้มของเฮียวจูมีรอยถลอก เป็นอะไรไปน่ะ?…กงคิดเช่นนั้น แล้วเฮียวจูก็พูดออกมาคนเดียว
“ใครกันหนอ ที่โยนปลาอิวะชิพวกนี้เข้ามาในบ้านข้า พระคุณของท่านแท้ ๆ เลยนะนั่น ข้าถึงได้ถูกมองว่าเป็นขโมย ถูกคนขายปลาเล่นงานเข้าให้” เฮียวจูพึมพำ
กงได้ยินเข้าก็คิดว่าแบบนี้ไม่ได้การละ เฮียวจูผู้น่าสงสาร ถูกคนขายปลาอัดเสียน่วม เป็นแผลถลอกปอกเปิกถึงขนาดนั้นเชียวหรือ
กงคิดพลางลอบเดินไปทางยุ้งอย่างเงียบเชียบ วางลูกเกาลัดไว้ที่ทางเข้า แล้วกลับรังของมัน
วันต่อมา แล้วก็วันต่อมาอีกเช่นกัน กงเก็บเกาลัดได้อีก และเอาไปที่บ้านของเฮียวจูอีก วันต่อมา…ไม่ใช่แค่ลูกเกาลัดเท่านั้น แต่กงเอาเห็ดมะสึตะเกะสองสามดอกไปให้ด้วย
ในคืนที่พระจันทร์ดูงามตาคืนหนึ่ง กงออกไปเที่ยวเล่นเรื่อยเปื่อย พอผ่านปราสาทของท่านนะกะยะมะไปหน่อย ดูเหมือนมีคนกำลังมาจากอีกฟากหนึ่งของทางเดินแคบ ๆ ได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงร้องของจิ้งหรีดมะสึมุชิดัง ชิง-ชิโระริง ชิง-ชิโระริง
กงหลบนิ่งที่ข้างถนน เสียงพูดคุยนั้นค่อย ๆ ดังใกล้เข้ามา…ใกล้เข้ามา นั่นเป็นเสียงของเฮียวจูกับชาวนาชื่อคะซุเกะ
“เออ…เออ นี่ คะซุเกะ” เฮียวจูเอ่ย
“ว่าไงรึ”
“ช่วงนี้ เกิดเรื่องแปลกมาก ๆ ขึ้นกับข้าน่ะ”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ตั้งแต่แม่ข้าตาย มีใครก็ไม่รู้ เอาลูกเกาลัดเอย เห็ดมะสึตะเกะเอย มาให้ข้าไม่เว้นแต่ละวันเลยนะ”
“เอ…ใครกันล่ะ”
“เรื่องนั้นข้าไม่รู้หรอก เอามาวางไว้ตอนที่ข้าไม่รู้ตัวน่ะ”
กงตามสองคนนั้นไป
“จริงหรือนั่น”
“ก็จริงน่ะสิ ถ้าคิดว่าข้าปด พรุ่งนี้มาดูสิ จะเอาลูกเกาลัดที่ว่านั่นให้ดู”
“อือ…มีเรื่องประหลาดอย่างนี้ด้วยหรือ”
ครั้นคุยกันไปถึงตรงนั้นแล้ว สองคนก็พากันเดินเงียบ ๆ
คะซุเกะหันขวับกลับไปมองข้างหลัง กงตกใจหยุดกึกและยืนหดตัวจนเล็ก คะซุเกะไม่ทันสังเกตเห็นกงและออกเดินฉับ ๆ ต่อไปเช่นนั้น พอไปถึงบ้านของชาวนานามว่าคิชิเบ ทั้งสองคนก็เข้าไปในบ้านนั้น มีเสียงเคาะไม้ภาวนาดังป๊อก ป๊อก ป๊อก ป๊อก มีเสียงลอดผ่านบานหน้าต่างเลื่อนบุกระดาษ เห็นเงาหัวโล้นขนาดใหญ่ขยับเขยื้อนอยู่ กงคิดว่ามีการเจริญพุทธานุสสติถึงพระอมิตาภพุทธะ พลางหมอบลงที่ข้างบ่อน้ำ พอผ่านไปครู่หนึ่ง มีคนราวสามคนพากันเข้าไปในบ้านของคิชิเบอีก แล้วก็มีเสียงสวดมนต์ดังออกมา
กงหมอบอยู่ข้างบ่อจนกระทั่งการเจริญพุทธานุสสติจบลง เฮียวจูกับคะซุเกะกลับด้วยกันอีก กงตั้งใจว่าจะฟังสองคนนั้นคุยกัน จึงค่อย ๆ ย่องตามเงาของเฮียวจูไป
เมื่อถึงหน้าปราสาท คะซุเกะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องที่เจ้าเล่าเมื่อกี้ นั่นต้องเป็นเทพเจ้าเนรมิตแน่ ๆ”
“หือ?” เฮียวจูตกใจ มองหน้าคะซุเกะ
“ข้าคิดมาตลอดตั้งแต่เจ้าเล่าให้ฟัง ยังไง ๆ นั่นคงไม่ใช่มนุษย์ละมั้ง ต้องเป็นเทพเจ้า เทพเจ้าแน่ ๆ เลย เทพเจ้านึกสงสารที่เจ้าอยู่ตัวคนเดียว ก็เลยเสกอะไรต่อมิอะไรให้เจ้าน่ะสิ”
“ว่าไปโน่น จะใช่รึ”
“ไม่ผิดแน่ ฉะนั้น ทุก ๆ วัน เจ้าควรจะพูดขอบคุณเทพเจ้านะ”
“อือ”
กงได้ยินดังนั้น จึงคิดว่า อะไรกัน เจ้าหมอนี่ ช่างไม่เอาไหนเลย ข้าอุตส่าห์เอาเกาลัดแล้วก็เห็ดมะสึตะเกะไปให้ แต่ไม่ขอบคุณข้า กลับจะไปขอบคุณเทพเจ้าซะนี่ บ๊ะ…ช่างไม่สมควรเอาซะเลย
วันถัดมา กงเอาลูกเกาลัดไปที่บ้านของเฮียวจูอีก เฮียวจูเอาเชือกผูกยุ้งไว้ กงจึงแอบเข้าไปในบ้านทางประตูด้านหลัง ขณะนั้นเอง บังเอิญเฮียวจูเงยหน้าขึ้น พลันคิดได้ว่า เอ๊ะ…หมาจิ้งจอกเข้ามาในบ้านใช่ไหมนั่น เจ้าหมาจิ้งจอกกงที่ขโมยปลาไหลไปเมื่อไม่นานนี้มาก่อกวนอีกแล้ว
“เอาละทีนี้”
เฮียวจูลุกขึ้นยืน ไปฉวยปืนคาบศิลาที่แขวนอยู่กับยุ้ง อัดดินปืนเข้าไป ย่องไปใกล้ ๆ แล้วลั่นกระสุนใส่กงซึ่งตอนนี้กำลังจะออกจากประตูบ้านดังปัง
กงร่วงผล็อยทันที เฮียวจูรุดเข้าไป เมื่อมองดูภายในบ้าน ก็เห็นเกาลัดบนพื้น วางกองรวมกันอยู่
“นี่อะไรกัน” เฮียวจูร้องด้วยความตกใจ ก้มมองร่างไร้ชีวิตของกง
“กง แกเองหรือ แกนี่เองที่เอาลูกเกาลัดมาให้ตลอด”
กงพยักหน้าทั้งที่อยู่ในสภาพตาปิดอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
เฮียวจูทิ้งปืนลงทันที ควันสีฟ้ายังคงลอยเป็นสายบาง ๆ จากปากกระบอกปืน
*** “กง-กิสึเนะ” (ごん狐;Gon-gitsune) หรือ “สุนัขจิ้งจอกกง” เป็นงานประพันธ์ของนีมิ นังกิชิ (新美 南吉 ; Nīmi Nankichi; 1913 – 1943) นักเขียนชื่อดังของญี่ปุ่นผู้เริ่มเขียนเรื่องต่าง ๆ มาตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เสียชีวิตด้วยวัณโรคตอนหนุ่ม ๆ ขณะที่อายุเพียง 29 ปีเท่านั้น นีมิแต่งเรื่อง “กง-กิสึเนะ” ตอนอายุเพียง 17 ปี ***
ขอขอบคุณที่มา MGR Online เผยแพร่: 8 ม.ค. 2561 12:54 โดย: โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์