กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสาวน้อยคนหนึ่งชื่อว่า “เอลล่า” (Ella) เป็นบุตรสาวของเศรษฐี หลังจากมารดาของเธอเสียชีวิตไปหลายปี บิดาก็แต่งงานใหม่กับมาดามผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นหม้ายและมีลูกสาวติดมาสองคน และแม่เลี้ยงของเธอก็ไม่เคยชอบซินเดอเรลล่าเลยสักนิด
จากนั้นไม่นาน เศรษฐีก็เสียชีวิตลง แต่แทนที่ทรัพย์สมบัติจะตกเป็นของลูกสาวแท้ ๆ แม่เลี้ยงของเธอกลับครอบครองไว้ทั้งหมด และเลือกสรรแต่สิ่งดี ๆ ให้กับลูกสาวทั้งสองของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสวย ๆ อาหารอร่อย ๆ หรือห้องนอนอันอบอุ่น ซ้ำร้ายยังบังคับให้เอลล่าทำงานเป็นสาวใช้ คอยปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้านตั้งแต่เช้าจรดเย็น มีเพียงช่วงกลางคืนเท่านั้นที่เธอจะได้รับอนุญาตให้นั่งพักผิงไฟคลายหนาว ซึ่งเศษเถ้าถ่านจากเตาผิงก็มักจะติดตามเนื้อตัวและใบหน้าของเธอ ทำให้พี่สาวทั้งสองตั้งชื่อใหม่ให้เธอว่า “ซินเดอเรลล่า” ที่หมายถึงสาวน้อยในเถ้าถ่าน
นิทาน
แต่แม้ซินเดอเรลล่าจะสวมใส่เสื้อผ้าที่เก่าและขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมมด้วยเถ้าถ่าน ทำงานหนักทั้งวัน แต่สิ่งที่เธอมีก็คือความสวยและจิตใจที่งดงาม แม้แต่พี่สาวทั้งสองก็เทียบไม่ได้
อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาผู้ปกครองเมืองได้ส่งจดหมายเชิญให้สาวโสดทุกคนไปร่วมงานเต้นรำที่พระราชวัง เนื่องจากพระราชาทรงต้องการให้เจ้าชายผู้เป็นโอรสเพียงองค์เดียวมีโอกาสได้พบปะหญิงสาวในเมืองและเฟ้นหาคู่ครองจากงานเต้นรำครั้งนี้ เมื่อหญิงสาวทั่วทั้งเมืองทราบข่าว ทุกคนก็พากันตื่นเต้นและฝันหวานว่าตัวเองอาจจะมีโอกาสได้แต่งงานกับเจ้าชายรูปงาม
เช่นกันกับซินเดอเรลล่า เพราะเธอใฝ่ฝันมาตลอดเวลาว่าจะได้เต้นรำในฟลอร์ที่งดงามและเป็นอิสระจากงานบ้านอันล้นมือเหล่านี้ แต่เมื่อเด็กสาวขอไป แม่เลี้ยงใจร้ายจึงกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานาจนซินเดอเรลล่าไม่มีชุดใส่ไปงานเต้นรำ พร้อมกับออกคำสั่งให้อยู่ทำงานบ้าน ล้างจาน ขัดพื้น และเตรียมเตียงนอนไว้ให้พี่สาวทั้งสอง เพราะเมื่อทุกคนกลับมาบ้านคงจะอ่อนเพลียและง่วงนอนมาก
แม่เลี้ยงใจร้ายและลูกสาวทั้งสองคนพากันแต่งเนื้อแต่งตัวจนเกือบจะสวย จากนั้นรถม้าก็มารับพวกเขาเดินทางไปร่วมงานยังปราสาท เหลือก็เพียงซินเดอเรลล่าเท่านั้นที่ต้องอยู่เฝ้าบ้านและทำงานบ้านต่าง ๆ ตามที่แม่เลี้ยงสั่งเอาไว้ มิหนำซ้ำ แม่เลี้ยงยังกำชับไม่ให้ซินเดอเรลล่าออกจากบ้านโดยเด็ดขาด ครั้นเมื่อเสียงเพลงจากงานเต้นรำแว่วมา ซินเดอเรลล่าผู้น่าสงสารก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจและโศกเศร้า เธอเริ่มก้มหน้าและร้องไห้ไม่ยอมหยุด
ในขณะที่ซินเดอเรลล่ากำลังร้องไห้อยู่นั้น จู่ ๆ นางฟ้าแม่ทูนหัวก็ปรากฏกายขึ้น “อย่าร้องไห้ไปเลย ซินเดอเรลล่า ฉันรู้ว่าเธออยกไปงานเต้นรำ และฉันจะเนรมิตความฝันนั้นให้เป็นจริงเอง”
จากนั้น นางฟ้าก็เริ่มร่ายคาถาเสกชุดราตรีสีขาวแสนงดงาม พร้อมกับรองเท้าแก้วให้ซินเดอเรลล่าได้สวมใส่ พร้อมเนรมิตฟักทองกับพวกหนูในบ้านให้กลายเป็นรถม้าและคนขับรถ เพื่อพาซินเดอเรลล่าไปร่วมงานเหมือนกับหญิงสาวคนอื่น ๆ ซินเดอเรลล่าดีใจจนแทบไม่เชื่อสายตา เพราะตอนนี้เธอดูสวยราวกับเจ้าหญิงเลยทีเดียว
แต่ก่อนที่ซินเดอเรลล่าจะเดินทาง นางฟ้าได้เตือนซินเดอเรลล่าว่า “ซินเดอเรลล่า เธอต้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืน เพราะเวทมนตร์ของฉันจะมีฤทธิ์ถึงแค่นั้น ทุกอย่างจะกลับกลายสภาพเป็นเหมือเดิม เข้าใจไหมจ้ะ” ซินเดอเรลล่าตกปากรับคำ จากนั้นเธอก็ขึ้นรถม้าแล้วเดินทางไปยังงานเลี้ยงของเจ้าชายทันที
เมื่อซินเดอเรลล่าปรากฏตัวในพระราชวัง ทุกสายตาต่างก็หันมามองเธอราวกับโดนสะกด เพราะหญิงสาวคนนี้ทั้งสวยสง่าและโดดเด่นที่สุดในงาน “เธอคือใครกัน ?” ผู้คนในงานต่างกระซิบถาม แม้แต่พี่สาวทั้งสองก็สงสัย และรู้สึกคุ้น ๆ หน้า แต่ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นที่ไหน
เมื่อเจ้าชายสบตากับซินเดอเรลล่าก็ตกหลุมรักในความงามทันที เขาตรงมาขอเธอเต้นรำด้วย ท่ามกลางความผิดหวังของสาว ๆ ทั่วเมือง เพราะเจ้าชายเต้นรำกับซินเดอเรลล่าเพียงคนเดียวตลอดค่ำคืนนั้น
“เธอชื่ออะไร ท่านหญิง ?” เจ้าชายเอ่ยถามซินเดอเรลล่า
“ไม่สำคัญหรอกว่าฉันเป็นใคร เพราะถึงอย่างไร ท่านก็จะไม่มีโอกาสพบฉันอีกแล้ว”
“โอ้ เช่นนั้นหรือ แต่ฉันมั่นใจว่าเราจะได้พบกันอีกแน่นอน” เจ้าชายตอบ
ซินเดอเรลล่าและเจ้าชายต่างก็มีความสุขมาก แต่เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ไม่ทันไร นาฬิกาก็บอกเวลาเที่ยงคืน ! ซินเดอเรลล่านึกถึงคำเตือนของนางฟ้าทูนหัว เธอแทบจะไม่ได้ร่ำลาเจ้าชาย และหมุนตัวออกจากวงแขน วิ่งลงบันไดพระราชวังอย่างรวดเร็วเท่าที่เธอจะทำได้ เจ้าชายวิ่งตามหญิงสาวปริศนา พลางร้องถามชื่ออีกครั้ง แต่ซินเดอเรลล่าไม่ได้ตอบ ระหว่างนั้นรองเท้าแก้วข้างหนึ่งก็หลุดออก เธอไม่มีเวลาหันไปเก็บแล้ว จึงต้องจำใจทิ้งรองเท้าข้างนั้นไว้ให้เจ้าชายดูต่างหน้า แล้วขึ้นรถฟักทองกลับไปยังบ้านได้ทันเวลา
นิทาน
เจ้าชายเก็บรองเท้าแก้วของเธอไว้ แล้วรับสั่งให้เสนาบดีค้นหาให้ทั่วอาณาจักร เพื่อตามหาหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของรองเท้าแก้วข้างนี้ หากใครสวมได้ เจ้าชายจะแต่งงานกับเธอ
เสนาบดีได้นำรองเท้าแก้วไปตามบ้านต่าง ๆ เพื่อให้หญิงสาวทุกคนได้ลอง จนมาถึงบ้านแม่เลี้ยง เมื่อลูกสาวทั้งสองลองครบแล้ว แต่ใส่ไม่ได้ นางก็โกหกว่าไม่มีหญิงสาวในบ้านอีก พร้อมทำลายรองเท้าแก้วจนแตกละเอียด ทุกคนต่างหมดหวังว่าจะไม่สามารถหาหญิงปริศนาของเจ้าชายพบ แต่สุดท้าย ซินเดอเรลล่า ก็หยิบรองเท้าแก้วอีกข้างที่เก็บไว้ขึ้นมา เธอสวมใส่รองเท้าแก้วนั้นได้พอดีเป๊ะ
“มากับเราเถิดท่านสุภาพสตรี เจ้าชายกำลังรออยู่” เสนาบดีพาเธอขึ้นรถม้าไป เมื่อซินเดอเรลล่ามาถึงพระราชวัง เจ้าชายก็มอบแหวนหมั้นให้กับเธอและขอเธอแต่งงาน จากนั้นทั้งคู่ก็ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขตราบนานเท่านาน