กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสามีภรรยาชาวสวนคู่หนึ่งครองรักกันมานาน ฝ่ายภรรยานั้นกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรก และแพ้ท้องอยากกินหัวผักกาด เธอเฝ้ามองแปลงผักกาดของบ้านข้าง ๆ ทุกวันจากหน้าต่างบ้านชั้น 2 แต่ไม่มีใครกล้าไปเอาผักกาดเหล่านั้น เพราะสวนที่ว่าเป็นของแม่มดใจร้าย
“ฉันอยากกินหัวผักกาดในแปลงนั้น” วันหนึ่งภรรยาได้เอ่ยปากบอกสามีของเธอ “เธอก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ สวนนั้นเป็นของแม่มด” สามีขัด “แต่ฉันต้องการมัน ถ้าไม่ได้กิน ฉันจะไม่กินอะไรเลย และฉันก็จะตาย” ภรรยาเว้าวอน จนทำให้ชาวนาใจอ่อน กลางดึกคืนนั้นชาวนาได้ปีนข้ามรั้วไปขโมยหัวผักกาดมาหนึ่งหัวเพื่อให้ภรรยาได้กิน ทว่าเมื่อได้ลิ้มรสผักแสนอร่อย เธอก็ต้องการกินมันมากขึ้น คืนถัดมาเขาจึงต้องปีนไปขโมยหัวผักกาดมาให้ภรรยาของเขาอีกครั้ง
“หยุด ! เจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่” แม่มดเจ้าของสวนแผดเสียงอันดังถามขึ้น
“เอ่อ ข้า… มาเอาผักกาดให้ภรรยาข้า” ชาวนาตอบ
“ขโมย !! เจ้าต้องชดใช้”
“ได้โปรด” ชาวนาเอ่ยด้วยความกลัว เขาขอร้องแม่มด “ภรรยาของข้ากำลังท้อง เธออยากกินผักกาดมาก ให้ข้าทำอะไรข้ายอมหมด”
“ทุกอย่างงั้นหรือ” แม่มดยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าอย่างนั้นเอาผักกาดไปได้ตามที่ต้องการ แต่เมื่อภรรยาเจ้าคลอดออกมา เด็กคนนั้นต้องเป็นของข้า”
“ไม่มีทาง” ชาวนาตะโกนความโกรธ
“เจ้าไม่มีทางเลือกแล้ว” แม่มดหัวเราะเย้ยหยัน ก่อนจะเดินหายไป
หลังจากนั้นไม่นาน ภรรยาของชาวนาก็คลอดลูก เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก เมื่อแม่มดทราบข่าวก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วขโมยเด็กคนนั้นไปทันที เธอตั้งชื่อเด็กน้อยว่า ราพันเซล และให้ราพันเซลอยู่บนหอคอยสูง ยิ่งนับวันราพันเซลก็ยิ่งสวยสะพรั่ง โดยเฉพาะผมสีทองของเธอที่ยาวเหยียด เป็นผมวิเศษที่มีพลังในการรักษา แม่มดรักผมของราพันเซลมาก เพราะมันทำให้เธอไม่มีวันแก่ แม่มดบังคับให้ราพันเซลอยู่แต่บนหอคอย สาธยายความเลวร้ายของโลกภายนอกให้ฟัง จนเด็กสาวนึกสงสัยว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร เธอต้องการจะหนี แต่ด้วยเวทมนตร์ของแม่มดที่เสกประตูและบันไดให้หายไป ราพันเซลจึงไปไหนไม่ได้ เพราะเหลือแต่หน้าต่างเล็ก ๆ เพียงบานเดียวเท่านั้น ทุก ๆ วันแม่มดจะมาหาราพันเซลแล้วพูดว่า “ราพันเซล ราพันเซล ปล่อยผมลงมา” แล้วปีนเส้นผมของราพันเซลขึ้นไปยังหอคอย นั่งหวีผมของเด็กสาว ฟังเธอร้องเพลง แล้วก็กลับลงมา
กระทั่งวันหนึ่ง ราพันเซลรู้สึกเศร้าสร้อยและเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่บนหอคอยแห่งนี้ สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือร้องเพลง และเสียงเพลงของเธอก็ลอยไปจนเจ้าชายที่ขี่ม้าผ่านมาได้ยินเสียงอันไพเราะพอดี เขาตามมาจนถึงหอคอยแล้วก็ต้องแปลกใจว่าไม่มีทางไหนที่จะขึ้นไปหาเจ้าของเสียงหวานนั้นได้เลย เจ้าชายมายังหอคอยหลายต่อหลายวัน เฝ้าสังเกตว่าจะมีทางไหนบ้างที่ทำให้เขาได้ขึ้นไปบนนั้น จนกระทั่งได้เห็นหญิงชราคนหนึ่งเดินมายังที่แห่งนั้นแล้วตะโกนว่า “ราพันเซล ราพันเซล ปล่อยผมลงมา” เจ้าชายจึงรู้ได้ทันทีว่าเขาจะต้องทำอย่างไรต่อไป
หลังจากที่แม่มดกลับลงมา เจ้าชายได้เดินไปที่หอคอยก่อนจะดัดเสียงให้คล้ายแม่มดที่สุด แล้วตะโกนขึ้นว่า “ราพันเซล ราพันเซล ปล่อยผมลงมา” ราพันเซลประหลาดใจว่าทำไมแม่มดถึงกลับมาอีกรอบ แต่ก็ปล่อยผมลงไป ทว่าเธอต้องตกใจสุดขีดเมื่อคนที่ขึ้นมากลับเป็นเจ้าชายรูปงาม เธอไม่เคยเจอคนอื่นมาก่อนนอกจากแม่มด ราพันเซลทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัว แต่เจ้าชายก็มีท่าทีเป็นมิตร เขาอธิบายว่าหลงใหลในเสียงร้องเพลงของเธอ บอกเล่าเรื่องราวที่สวยงามของโลกภายนอกให้เธอฟัง เจ้าชายอยู่กับราพันเซลหลายชั่วโมง และหลังจากนั้นเขาก็มาหาสาวน้อยอีกเป็นเวลาหลายวัน จนในที่สุดทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกัน และทำให้ราพันเซลต้องการจะหนีออกจากหอคอย
ทั้งสองวางแผนหนี โดยเจ้าชายได้นำผ้าไหมมาให้ราพันเซลถักเป็นบันไดเพื่อปีนหนีออกไป ราพันเซลเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พูดคุยกับแม่มดถึงโลกภายนอกที่สวยงาม แม่มดจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “ข้าเบื่อที่จะพูดเรื่องนี้กับเจ้าแล้ว ! ยังไงเจ้าก็ต้องอยู่คนเดียว ที่นี่ ตลอดไป !” “ข้าไม่ได้อยู่คนเดียว !” ราพันเซลเผลอหลุดปาก แต่ก็รีบแก้ว่า “ข้าหมายถึง ข้ามีท่านอีกคน” แต่แม่มดไม่เชื่อ นางค้นหอคอยทุกซอกทุกมุมจนเจอเข้ากับบันไดถัก และเค้นเอาความจริงจากราพันเซลจนรู้ว่ามีเจ้าชายขึ้นมาหาเธอ
“เจ้าจะไม่ได้เจอเจ้าชายอีก !” แม่มดหยิบมีดขึ้นมาตัดผมของราพันเซล แล้วร่ายมนตร์ให้เธอหายไปยังทะเลทรายอันไกลแสนไกล ส่วนแม่มดก็จัดการผูกเปียเอาไว้ข้างหน้าต่าง แล้วเฝ้ารอคอยเจ้าชายมาที่หอคอยอีกครั้ง จากนั้นไม่นานเจ้าชายก็มา “ราพันเซล ราพันเซล ปล่อยผมลงมา” แม่มดจับเปียของราพันเซลแล้วปล่อยลงไปเบื้องล่าง และเมื่อเจ้าชายปีนขึ้นมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหญิงชราหน้าตาน่ากลัว “ราพันเซลไปไหน เจ้าทำอะไรเธอ” เจ้าชายถาม “เจ้าจะไม่มีวันได้เจอราพันเซลอีก” แม่มดบอกก่อนผลักเจ้าชายตกลงไปด้านล่าง เจ้าชายตกลงไปยังพุ่มไม้ แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้รับบาดเจ็บนัก แต่หนามแหลมคมก็ทิ่มตาเขาจนบอด
เจ้าชายตาบอดรอนแรมตามหาราพันเซลอยู่นานถึง 2 ปี เขาตะโกนเรียกชื่อของเธอไปทั่ว จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าชายได้ยินเสียงเพลงที่เคยคุ้นหู “นั่นเสียงของราพันเซล ข้าจำได้” เจ้าชายตามไปยังเสียงจนทั้งคู่ได้พบกัน “เจ้าชาย !” ราพันเซลร้องขึ้น โผเข้ากอดเจ้าชาย น้ำตาแห่งความปลื้มปีติของเธอไหลหล่นลงไปยังดวงตาของเจ้าชาย แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ดวงตาของเจ้าชายกลับมามองเห็นอีกครั้ง
ทั้งคู่กอดกันด้วยความรักใคร่ ก่อนจะเดินทางกลับไปยังอาณาจักรของเจ้าชาย และเข้าพิธีอภิเษกสมรสกัน เจ้าชายกลายเป็นพระราชา และราพันเซลกลายเป็นพระราชินี ปกครองอาณาจักรอย่างมีความสุขตลอดไป