Skip to content Skip to footer
11July

อุบะสุเทะ ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง

うばすて山

101
102
203
204
206
205
207
208
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
previous arrowprevious arrow
next arrownext arrow
Shadow

ในสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603 – 1867) ประเทศญี่ปุ่นมีการปกครองด้วยระบบขุนนาง มีเจ้าเมืองและซามูไรที่มีอำนาจลดหลั่นกันไป ประชาชนทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าเมืองแบบไม่มีเงื่อนไข

ช่วงที่ญี่ปุ่นถูกภัยแล้งคุกคามนานหลายปี เจ้าเมืองได้ออกกฎหมายขึ้นมาข้อหนึ่งว่า หากครอบครัวไหนมีพ่อแม่ที่อายุเกิน 70 ปี ลูกต้องนำพ่อแม่ไปทิ้งบนภูเขา มิฉะนั้นจะถูกประหาร เพราะถือว่าคนที่สูงวัยถึงเพียงนั้นเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ยิ่งอยู่นานยิ่งเป็นภาระ ในทางตรงข้ามการตายเพื่อให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อยู่ต่อกลับเป็นการตายที่มีเกียรติสูงยิ่ง

ภูเขาสูงหลายแห่งจึงกลายเป็นหลุมฝังศพของคนแก่ ขึ้นไปสอง…ลงมาหนึ่ง…ขึ้นไปสอง…ลงมาหนึ่ง…ต่อเนื่องกันเช่นนี้เรื่อยมา ชาวญี่ปุ่นเรียกภูเขาเหล่านี้ว่า อุบะสุเทะ (อุบะ แปลว่า คนแก่ สุเทะ แปลว่า ทิ้ง)

และแล้วก็ถึงวันที่แม่ของ “เขา” อายุครบ 70 ปี เช้าวันนั้นเขาจัดเตรียมข้าวปั้นเป็นเสบียง เตรียมตะกร้าสานสำหรับใส่ตัวแม่ เมื่อทุกอย่างพร้อมก็อุ้มแม่วางลงในตะกร้า แบกขึ้นหลัง แล้วออกเดินทางขึ้นไปยังภูเขา

ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจดจ่อกับการปีนเขาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ แม่ผู้ชราก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้ากำลังมืดลงทุกที ๆ นางเกิดความกลัวขึ้นมาว่า ถ้าฟ้ามืดลูกชายอาจจะเดินหลงทางอยู่บนภูเขาได้ นางจึงเอื้อมมือไปหักกิ่งไม้ข้างทางกิ่งแล้วกิ่งเล่า เพื่อที่ว่าหลังจากทิ้งนางไว้บนภูเขาแล้ว…ลูกชายจะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย

เมื่อถึงเวลาที่แม่ลูกต้องจากกัน นางได้บอกลูกชายว่า “ลูกแม่ตอนที่เราขึ้นมาบนเขา แม่ได้หักกิ่งไม้ไว้ตลอดทาง ตอนลงจากเขาเจ้าจงสังเกตรอยไม้ที่แม่หักไว้ ก็จะถึงบ้านโดยปลอดภัย”

เมื่อลูกชายได้ยินดังนั้น ทันใดสายตาก็มองเห็นมือที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนของแม่ เขาอดหลั่งน้ำตาออกมามิได้ และตัดสินใจว่าจะไม่ยอมทิ้งแม่ไว้บนภูเขาเด็ดขาด เขาอุ้มแม่วางลงในตะกร้า แบกขึ้นหลังพาลงจากภูเขา และซ่อนแม่ไว้ในยุ้งฉางเพื่อหลบสายตาจากคนภายนอก

ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าเมืองก็ประกาศคำปริศนาไว้สองข้อ และบอกว่า หากใครแก้ปริศนาเหล่านี้ได้ก็จะให้คนผู้นั้นได้สมปรารถนาหนึ่งประการ

ปริศนาข้อแรกคือ ให้ฟั่นเชือกขึ้นมาจากขี้เถ้า และสองคือให้ร้อยเส้นไหมลอดผ่านเปลือกหอยสังข์

เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ก็ยังไม่มีใครแก้ปริศนาได้ ลูกชายจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง เมื่อเล่าจบแม่ก็ยิ้มแล้วสอนว่า

“ลูกแม่ เจ้าจงทำตามที่แม่จะบอกต่อไปนี้ สำหรับปริศนาข้อแรกให้เจ้าฟั่นเชือกขึ้นมาแล้วนำไปเผาให้ไหม้เป็นเถ้าถ่าน ขี้เถ้าจะคงรูปเหมือนเชือกอยู่อย่างนั้น ส่วนปริศนาข้อที่สอง ให้ผูกเส้นไหมกับขามดแล้วจับมดไปใส่ในเปลือกหอย หลังจากนั้นให้โรยน้ำตาลและจุดเทียนที่อีกด้านหนึ่งของเปลือกหอย เมื่อมดได้กลิ่นน้ำตาลและเห็นแสงเทียนก็จะพยายามเดินไปออกอีกด้าน”

ภายหลังเมื่อเจ้าเมืองรู้ว่าคนที่แก้ปริศนาได้ แท้จริงแล้วคือหญิงชราธรรมดา ๆ คนหนึ่ง จึงเกิดความเลื่อมใสในภูมิปัญญาของคนชรา และตัดสินใจยกเลิกกฎให้ทิ้งพ่อแม่ตั้งแต่นั้น

แม่กับลูกชายจึงใช้ชีวิตต่อมาอย่างมีความสุข

leave a comment