Skip to content Skip to footer
13June

วิเซียร์ผู้ต้องโทษ

ณ ประเทศที่ใกล้เคียงกับราชอาณาจักรของพระองค์ มีพระราชาองค์หนึ่งเลื่องลือพระนาม พระองค์ชอบการประพาสป่าล่าเนื้อ เวลาเสด็จออกล่าเนื้อเคยพาโอรสไปด้วยเนืองๆ ครั้นโอรสเจริญวัยขึ้น ก็มีพระนิสัยติดไปทางพระชนกด้วย เมื่อพระราชาทรงชราลงโอรสก็ออกล่าเนื้อโดยลําพัง อยู่ต่อมาพระราชาทรงระแวงไปว่าภัยจะเกิดแก่โอรส จึงกําชับแกรนด์วิเชียร์ให้ติดตามไปล่าเนื้อด้วยทุกครั้ง มิให้ห่างไกลลับตาเป็นอันขาด

เช้าวันหนึ่ง พระโอรสเสด็จออกประพาสป่าล่าเนื้อพร้อมด้วยแกรนด์วิเชียรผู้เป็นองค์รักษ์ และทหารม้าไล่ต้อนเนื้อออกจากป่า เจ้าชายก็ควบม้าไล่ตามเนื้อไป สําคัญพระหฤทัยว่า แกรนด์วิเซียร์ควบม้าติดตามมาด้วย เธอควบม้าไล่ตามกวางไปเป็นเวลานาน จึงรู้สึกว่าไม่มีผู้ใดติดตามมา นึกว้าเหวพระหฤทัยด้วยว่าควบม้าถล้าเข้าไปในดงลึก จึงชักผ้าหยุดลงทันใดแล้วควบกลับวกเวียนอยู่ในป่าหลาย ตลบก็หาพบแกรนด์วิเซียร์และพวกทหารไม่ เธอพยายามควบม้าเสาะหาหนทางกลับพระราชวัง อยู่จนสายก็ไม่พบทาง หลงอยู่แต่

โดยลําพังพระองค์เดียว ในขณะที่เจ้าชายชักม้าวนเวียนไปมา อยู่บังเอิญพบนางคนหนึ่ง รูปร่างงดงามนั่งร้องไห้ฟูมฟายน้ําตา อยู่ในป่า เจ้าชายจึงหยุดมาไต่ถามว่านางเป็นใคร เหตุไรจึงมานั่งร้องไห้อยู่ในป่าเปลี่ยวแต่ผู้เดียว นางตอบว่า ข้าพเจ้า เป็นธิดาของกษัตริย์อินเดีย ออกเที่ยวขี่ม้าเล่น ม้าพยศพามาในป่านี้จะรั้งเอาไว้ไม่อยู่ จนตกจากหลังม้า ม้าก็วิ่งหนีหายไปในดง ข้าพเจ้าหมดปัญญาไม่รู้ที่จะทําประการไร จึงนั่งร้องไห้อยู่ด้วยความกลัว เจ้าชายมีความสงสารและทั้งรักใคร่นางงามเป็นอันมาก จึงบอกกับนางว่า อย่าร้องไห้ไปเลย เราจะรับนางให้ขึ้นหลังม้าไปกับเรา เจ้าชายก็อุ้มนางให้ขึ้นนั่งอยู่ข้างหลังเธอแล้วควบม้าต่อไป

เจ้าชายชักม้าพานางวิ่งไปไม่นานนัก ก็มาถึงบ้านร้างหลังหนึ่งอยู่ชายป่า นางพูดว่าม้าพาวิ่งมาเหน็ดเหนื่อยนัก ขอลงจากหลังม้าพักพอหายเหนื่อยก่อนเถิด เจ้าชายก็อุ้มนางลง และทั้งตัวเธอก็ลงจากหลังม้าด้วย นางเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้านคร่ำคร่ารกร้าง เจ้าชายก็จูงม้าเดินตามไป แต่พอเดินเข้าไปใกล้บ้านร้าง เจ้าชายตกใจเป็นอันมาก เพราะได้ยินนางพูดว่า จงดีใจเถิดลูกเอย แม่พาเอาชายหนุ่มอ้วนพี่มีเนื้อมากมาให้พวกเจ้า เสียงจากข้างในบ้านร้างร้องออกมาพร้อมกันเซ็งแซ่ว่า ไหนแม่ มนุษย์นั้นอยู่ไหน เอามาให้เสียโดยเร็ว หิวเต็มที่แล้ว

ฝ่ายเจ้าชายได้ยินดังนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่า ตกเข้ามาในอันตรายอันใหญ่หลวง นางงามผู้มีมายานั้นมิใช่อื่นไกล คือ เมียของยักษร้ายซึ่งท่องเที่ยวอยู่ในราวป่า ทํามายาล่อลวงกินคน เดินทางมาเสียมากมายแล้ว เจ้าชายกลัวจนพระกายสั่น หันกลับมาเผ่นขึ้นหลังม้าทันที นางแปลงเหลือบมาเห็นเข้าก็รู้สึก ว่าเสียการ มันก็แสรังปราศรัยว่า ท่านจะหนีข้าพเจ้าไปข้างไหน ดูหรือน้ำใจช่างทิ้งไปได้ ไม่มีความสงสารเลย ขอท่านจงลงจากหลังม้ามาพูดจากันก่อนเถิด เจ้าชายรู้ทันว่านางแสร้งทําลวงก็หาลงจากหลังม้าไม่ อุตส่าห์ตอบนางว่า ข้ารู้แล้วว่าเจ้าแสร้งมายา ล่อลวงพาข้ามาจะกินเสีย นี่หากพระอาหล่าเป็นเจ้าทรงคุ้มครองรักษาอยู่ จึงมิตกอยู่ในอํานาจของเจ้า ว่าแล้วก็ประสานหัตถ์ทั้งสองขึ้นอภิวาทพระอาหล่าผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า พลางประกาศว่า ข้าแต่พระอาหล่าผู้ทรงอานุภาพเลิศล้ำเหนือสัตว์ทั้งปวงในพิภพ ขอพระองค์จงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของอีผีร้ายด้วยเถิด เมื่อประกาศคําวิงวอนแล้ว ก็ชักม้าหันกลับควบไปโดยเร็ว บังเอิญในไม่ช้าก็มาพบทาง จึงดีพระหฤทัยรีบควบม้าเข้าพระนคร ครั้นถึงก็ตรงเข้าเฝ้าพระราชบิดาทูลให้ทรงทราบเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบสิ้นทุกประการ

แกรนด์วิเชียรของกษัตริย์กรีกจึงทูลว่า ซึ่งเจ้าชายหนีมาได้โดยปราศจากภัยดังนั้นก็ดี แต่พระราชบิดาของเธอก็หาว่าทรงพระโกรธงดโทษแกรนด์วิเซียร์ผู้เลินเล่อเสียได้ไม่ รับสั่งว่า มันมิระวังเจ้านายของมัน ให้เอามันไปฆ่าเสียจึงจะควร แกรนด์วิเชียร์ผู้นั้นก็ถูกประหารชีวิต เรื่องราวมีเป็นตัวอย่างอยู่ดังกราบทูลนี้แล้ว หน้าที่ของข้าพเจ้าจึงต้องคอยระมัดระวังมิให้มีเหตุร้ายภัยพาลมาต้องยุคลบาท แม้แต่มีความระแวงสงสัยว่าจะมีภัยก็ต้องรีบปัดเป่า แต่นายแพทย์ดูบันนี้ไม่ใช่แต่ว่าเพียงระแวงสงสัยมิได้ ข้าพเจ้าทราบว่าเขาเป็นผู้มาปองร้ายพระองค์โดยตรงที่เดียว ราชศัตรูของพระองค์แต่งให้มาปลงพระชนม์เสีย เพื่อจะแย่งชิงราชสมบัติและขอบขัณฑสีมาอาณาจักร เข้ามาในแว้นเคว้นดินแดนของพระองค์ ขอองค์จงเชื่อฟังข้าพเจ้าเถิด ที่กราบทูลเตือนพระสติ ครั้งนี้ ก็ด้วยเกรงว่า จะต้องได้รับภัย อย่างแกรนด์วิเชียรผู้เป็นโทษในนิยายที่ได้เล่าถวายแล้ว

กษัตริย์กรีกผู้หย่อนในปัญญา มีพระนิสัยหันเหเรรวน เชื่อฟังคําคนยุยงง่าย ๆ ไตร่ตรองไม่เห็นซึ่งความอิจฉาริษยาของแกรนด์วิเชียร์ จึงตรัสว่า วิเชียร์ท่านกล่าวชอบ เรานึกได้แล้วว่า อุบันเป็นคนมีวิชาวิเศษผิดกว่าคนธรรมดา อาจเอาชีวิตเรา เสียเมื่อไรก็ได้ เพียงแต่ให้อมยาวิเศษอะไรสักอย่างหนึ่ง เราก็จะตายโดยง่ายดาย ที่วิเชียร์เตือนสติเราครั้งนี้ขอบใจมาก ขอให้ท่านจงไตร่ตรองดูว่า จะทําประการไรดีจึงจะกําจัดดูบันไปเสีย จากบ้านเมืองของเราได้

เมื่อแกรนต์วิเชียร์เห็นว่า พระราชาหลงเชื่ออุบายของตนแล้ว จึงกราบทูลว่า ซึ่งจะกําจัดตัดรากคนเช่นหมอดูบันนี้เห็นมีอุบายอยู่ทางเดียว คือให้หาตัวเข้ามาเฝ้าแล้วก็สั่งให้ ประหารชีวิตเสียนั่นแหละจึงจะพ้นภัย ถ้าแต่เพียงจะให้เนรเทศไปเสียจากพระนครเท่านั้น เห็นว่าจะมีภัยอยู่ ต่างว่ามันมิได้มี เจตนาปองร้ายมาแต่เดิมแล้ว เมื่อถูกเนรเทศถอดถอนเสียจากยศศักดลาภสการ ก็จะเป็นเหตุให้เริ่มคิดรายขึ้น น่าจะไม่มีทางแก้ไขภายหลัง

พระราชารับสั่งว่า ดีแล้ว เราจะต้องติดความคิดของมันเสียก่อน รับสั่งเท่านั้น ก็ใช้ให้นายทหารคนหนึ่งไปตามตัวนายแพทย์ดูบันเข้ามา ฝ่ายนายแพทย์ดูบันเมื่อทราบว่ามีรับสั่งให้หาก็รีบเข้ามาเฝ้า พอพระราชาเหลือบเห็นดูบันเข้ามา จึงรับสั่งถามว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราให้ตามตัวมาทําไม ดูบันได้ฟังรับสั่งถาม จึงกราบทูลว่าไม่ทราบมิได้ ข้าพเจ้าเข้ามาเฝ้า พระองค์ก็เพื่อจะนั่งกระแสรับสั่งใช้ พระราชาตรัสตอบว่า ข้าจะไม่ใช้เจ้าอีกแล้ว ที่ให้หาตัวมาบัดนี้เพื่อจะให้ฆ่าเจ้าเสียข้าจะได้ปลีกตัวหนีรอดพ้นจากแร้วที่เจ้าวางไว้ดักข้า

ฝ่ายนายแพทย์ดูบันได้นั่งรับสั่งดังนั้น มีความประหลาด ใจเป็นอันมาก เหลือที่จะบอกให้ถูกได้ว่าเพียงไร ทูลถามว่าซึ่งพระองค์จะให้ประหารชีวิตข้าพเจ้าเสียทั้งนี้ ข้าพเจ้ามีความผิดคิดร้ายประการไรพระเจ้าข้า พระราชาตรัสตอบว่า ข้ารู้อยู่ว่าเจ้าเป็นศัตรูของข้า ที่เจ้ามาถึงพระนครและเข้าสู่สํานักของข้านี้ ก็เพราะศัตรูของข้าใช้ให้มาเอาชีวิตข้าเสีย เพื่อจะแย่งชิง ราชสมบัติ เพราะเหตุนี้ จึงต้องฆ่าเจ้าเสียก่อน เพื่อป้องกันชีวิตของข้า แล้วก็รับสั่งกับนายทหารรักษาพระองค์ซึ่งยืนเฝ้าอยู่ในที่นั้นว่า ฟันคอมันเสีย อย่าเอามันไว้ให้นานนักเลย อ้ายจัณฑาลคนนี้มันเป็นคนเจ้าเล่ห์ ปล่อยให้มีชีวิตอยู่นานนักไม่ได้ ประเดี๋ยวมันจะแผลงฤทธิ์เอาข้าเข้า

เมื่อนายแพทย์ดูบันได้ฟังดังนั้น ก็คิดอยู่ในใจว่า ชะรอยยศศักดิ์ทรัพย์สมบัติซึ่งพระราชาพระราชทานให้แก่เรามากมายนี้เอง เป็นเหตุส่อให้เกิดมีศัตรูขึ้นในหมู่อมาตย์ทั้งหลาย ฝ่ายพระราชาเล่า ก็เบาพระหฤทัยเชื่อฟังคํายุยงของอมาตย์ผู้ทรยศเป็นพาลสันดานชั่วช้า เราเป็นผู้หาความคิดมิได้ที่ช่วยรักษาโรคแก้ชีวิตของพระองค์ไว้ การรับราชการอยู่ในเจ้าผู้หย่อนปัญญาให้โทษแก่เราถึงเพียงนี้เชียวหนอ แต่เมื่อรู้สึกไม่ทันการเสียแล้ว นึกเช่นนั้นแล้วก็ทูลพระราชาว่า พระองค์ตอบแทนบุญคุณของข้าพเจ้าผู้ช่วยชีวิตของพระองค์ไว้
ด้วยประการฉะนี้หรือพระเจ้าข้า

พระราชาแกล้งทําเป็นไม่ได้ยิน นายแพทย์ดูบันก็ทูลวิงวอนว่าขอจงได้ไว้ชีวิตข้าพเจ้าเถิด พระอาหล่าเป็นเจ้าก็จะไว้ชีวิตพระองค์ให้ทรงเจริญยืนยาวนาน ขอพระองค์จงอย่าให้ประหารข้าพเจ้าเสียเลยพระเจ้าข้า เกลือกว่าพระอาหล่าจะทรงกระทําแก่พระองค์เช่นเดียวกัน

พอชาวประมงเล่าให้ปีศาจฟังมาได้ถึงเพียงนี้ จึงพูดว่าเจ้าเห็นหรือไม่ว่าการทําคุณแก่คนพาลสันดานชั่วย่อมให้โทษเสมอ หากจะมีคุณอยู่บ้างก็ชั่วขณะครั้งหนึ่งคราวเดียว ในที่สุด คุณนั้นก็กลายเป็นโทษทํานองเดียวกับ นายแพทย์ดูบันทําคุณแก่กษัตริย์กรีกผู้เยาว์ปัญญา ตนก็ต้องถึงซึ่งความตาย เรื่องราวก็ไม่ผิดอะไรกับที่เจ้าจะสนองบุญคุณข้า ผู้ช่วยเจ้าออกจากหม้อทองแดงฉะนั้น

แล้วคนหาปลาก็เล่าให้ปีศาจฟังต่อไปว่า กษัตริย์กรีกก็หาทรงพระกรุณาไว้ชีวิตนายแพทย์ดูบัน ผู้ซึ่งกราบทูลวิงวอน ขอชีวิตในนามของพระอาหล่านั้นไม่ พระองค์ตรัสว่า ไม่ได้เจ้าต้องตาย หาไม่เจ้าก็จะเอาชีวิตข้าเสียง่ายๆยิ่งกว่าที่เจ้าได้รักษาข้าให้หายนั้นอีก


ระหว่างนั้นนายแพทย์ดูบันมีน้ำตาชุ่มอยู่ทั้งสองตา พูดปรับทุกข์ตัวเองว่า อนิจจา ควรหละหรือความดีของเรา ที่ได้ทําไว้ มากลับกลายเป็นโทษใหญ่หลวงไปได้ถึงเพียงนี้ แล้วก็เตรียมตัวที่จะคอยรับคมดาบของนายเพชฌฆาตอยู่ นายทหารผู้เพชณฆาตก็เอาผ้าผูกตานายแพทย์ตูบัน แล้วก็มัดมือทั้งสองข้างอยู่เบื้องหน้า นายแพทย์ดูบันกวิงวอนพระอาหล่าอยู่ ทันใดนั้น นึกถึงอุบายสําคัญขึ้นได้อย่างหนึ่ง จึงทูลพระราชากรีกว่า ซึ่งพระอง๕์จะไม่ทรงกรุณาพระราชทานชีวิตข้าพเจ้าแล้วก็ทำเนา แต่ข้าพเจ้าขอรับพระราชทานกรูณาเพียงเลื่อนวันไปอีกสักวันหนึ่ง พอได้กลับไปบ้านลาบุตรภรรยาและญาติทั้งหลาย และจะได้สั่งเสียให้เตรียมการศพของข้าพเจ้าด้วย นอกจากนั้นข้าพเจ้ายังมีตําราวิเศษเล่มหนึ่ง ซึ่งจะขอถวายไว้ในพระองค์ ตําราเล่มนั้นเป็นของประหลาดมีค่าหายาก สมควรที่พระองค์จะรักษาไว้

พระราชารับสั่งถามว่า ตําราอะไรของเจ้ามีค่าอย่างไร ? นายแพทย์ดูบันจึงทูลว่า ตําราที่ข้าพเจ้าจะถวายพระองค์นั้นประหลาดมาก
ข้อสำคัญที่ควรจะพิศวงยิ่งกว่าอื่นก็คือ เมื่อศีรษะของข้าพเจ้ากระเด็นออกจากกายแล้ว ขอให้พระองค์เปิดตําราเล่มนั้นดูที่หน้า ๖ แล้วทรงอ่านความในบรรทัดที่ ๓ ศีรษะของข้าพเจ้าจะตอบรับสั่งถามของพระองค์ได้ทุกประการ พระราชาได้นั่งทูลดังนั้น ก็ใครจะเห็นข้อเท็จและจริง จึงรับสั่งให้ เลื่อนกําหนดการประหารไปวันรุ่งขึ้น แล้วให้ผู้คุม ๆ ตัวนายแพทย์ดูบันไปบ้านเรือนตน

ครั้นวันรุ่งขึ้นผู้คุมนําตัวนายแพทย์ดูบันกลับมาเฝ้า นายแพทย์ดูบันทูลวิงวอนขอชีวิตต่อพระราชาอีกครั้งหนึ่งว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงอํานาจ ขอจงทรงกรุณาพระราชทานโทษข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าหาความผิดคิดร้ายประการไรมิได้ ใช่แต่เท่านั้น พระองค์ควรจะรําลึกถึงเมื่อครั้งพระองค์ประชวรพระโรคเรื้อนบ้างเถิด พระราชาตรัสตอบว่า เจ้าอย่าอ้อนวอนให้เสียแรงเลย จงเอาเวลาที่เหลืออยู่รีบหายใจเสียเถิด ข้าจะไม่ฟังวิงวอนของเจ้า จะพูดอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ ข้าจะไม่ถอนคําสั่งเป็นอันขาด ต่างว่าถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่นๆก็ดี เพียงแต่ข้ารู้ว่าจะได้ยินเจ้าพูดได้เมื่อหัวของเจ้ากระเด็นออกจากตัวแล้วเท่านั้น ข้าก็จะฆ่าเจ้าเสียเช่นเดียวกับมีเหตุการณ์อื่นเหมือนกัน เพราะว่าข้ารู้สึกว่ามันเป็นการประหลาดอยู่ ที่คนหัวขาดแล้วยังพูดได้

ฝ่ายนายแพทย์ดูบันเห็นหมดหนทางจะแก้ไขชีวิตรอดได้ แล้ว จึงทูลว่า ขอพระองค์จงรับตําราเล่มนี้ไว้ พอศีรษะของข้าพเจ้าหลุดออกจากกายเมื่อไร ขอให้นายทหารหยิบขึ้นวางไว้ บนปกของตําราเล่มนี้ แล้วโลหิตจะหยุดโดยพลัน ต่อจากนั้นขอเชิญพระองค์เปิด ตําราออกดูศีรษะ ของข้าพเจ้าจะตอบคําถามได้ทุกประการ ต่อนั้นมาเพชฌฆาตก็จัดทําการตามหน้าที่ ศีรษะของนายแพทย์ดูบันก็พลันหลุดอออกจากคอด้วยคมดาบ ครั้นแล้ว นายทหารผู้หนึ่งก็ยกเอาศีรษะไปตั้งไว้บนปกตํารา สักประเดี๋ยว ใจหนึ่งโลหิตก็หยุด พอโลหิตหยุด ศีรษะนั้นลืมตาอ้าปาก พูดว่า ในบัดนี้ขอพระองค์จงเปิดตําราสิพระเจ้าข้า พระราชา ก็ทรงพลิกตําราดู ครั้นเห็นใบแรกติดกับใบที่ ๒ จึงยกนิ้ว พระหัตถ์ขึ้นแตะพระเขฬะ เพื่อจะทรงเปิดหน้ากระดาษตํารานั้นโดยสะดวก พระองค์ต้องแตะพระเขฬะพลิกเปิดหน้ากระดาษ ทุกหน้าไป พลิกมาถึงหน้า 5 ก็หาเห็นมีลายลักษณ์อักษรใน หน้ากระดาษทั้ง ๖ นั้นไม่ จึงตรัสกับศีรษะว่า อย่างไรกัน นายแพทย์ผู้ประหลาด ไม่เห็นมีตัวหนังสืออะไรเลย ศีรษะพูด ว่า ขอพระองค์จงพลิกต่อไปสักสองสามหน้าเถิดพระเจ้าข้า พระราชาก็ทรงพลิกต่อไป ต้องใช้นิ้วพระหัตถแตะพระเขฬะ เรื่อยไปทุกหน้ากระดาษ ครั้นแตะซ้ําหลายครั้งเข้า พิษยาเบื่อ ซึ่งนายแพทย์ดูบันอาบไว้ที่หน้ากระดาษทุก ๆ หน้า ก็ซ่านเข้าใน เส้นโลหิตกลายเป็นพิษขึ้น พระราชาก็รู้สึกเสียวซ่านด้วยยาพิษ พระเนตรทั้งสองฝ่ามืดมัวแลไม่เห็นอะไรทันที ทรงพระกายไว้ไม่อยู่ ก็ล้มผางลงกลิ้งอยู่กับฐานบัลลังก์แล้วก็ชักดิ้นทุรนทุราย ไปมา

leave a comment