Skip to content Skip to footer
22May

ชายชรากับเนื้อทราย

ข้าแต่ท่านปีศาจ ขอจงเงี่ยหูฟังเรื่องของข้าพเจ้า ณ บัดนี้เถิด เนื้อทรายซึ่งท่านเห็นอยู่ต่อหน้านี้เป็นภรรยาข้าพเจ้า ท่านคงจะสงสัยว่าเนื้อทรายจะเป็นภรรยาได้อย่างไร ข้อนี้มีเรื่อง ดังจะเล่าต่อไป คือเดิมที่เมื่อข้าพเจ้าแต่งงานกับนาง อายุนาง เพิ่งได้ ๑๒ ปี นางมีความรักใคร่นับถือข้าพเจ้าเสมือนบิดาเป็นที่พึ่งของนาง ข้าพเจ้าก็มีความรักใคร่เอ็นดูนางมาก

ข้าพเจ้ากับภรรยา อยู่กินด้วยกันเป็นสุขล่วงกาลมา ประมาณ ๓๐ ปีหามีบุตรด้วยกันไม่ ถึงกระนั้นก็หาได้เสื่อมคลาย ความรักใคร่สงสารนางไม่ พูดกับนางว่าเราควรจะมีบุตรไว้เพื่อ สืบสกุลสักคนหนึ่ง นางก็เห็นดีด้วย จึงได้ช่วยทาสีคนหนึ่งมา เป็นภรรยาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยู่กับทาสีไม่นานเท่าไรก็ได้บุตรคนหนึ่ง รูปร่างลักษณะผิวพรรณน่ารักน่าเอ็นดู

ภรรยาเก่าของข้าพเจ้าก็แสดงความอารีอารอบรักใคร่ทาสีและบุตรเป็นอย่างดี มิได้แสดงให้เห็นว่าขึ้งเคียด มีความหึงประการไร ข้าพเจ้าตายใจเชื่อถือในนางเรื่อยมา จนกาลล่วงได้กว่า ๑๐ ปี บุตรของข้าพเจ้าเจริญวัยใหญ่ขึ้นเป็นที่รักใคร่และทําให้ข้าพเจ้ามีความสุขยิ่งนัก

อยู่มาวันหนึ่ง ข้าพเจ้ามีกิจจําเป็นไปทางไกล ก่อนที่จะออกจากบ้าน ได้ฝากฝังนางทาสีภรรยาน้อยและบุตรไว้กับภรรยาหลวง ด้วยเห็นว่าทั้งสองมีความสามัคคีกันดี ข้าพเจ้ามิได้มีความระแวงอย่างไร ไว้ใจจรรยาหลวงว่าจะปรานีนางทาสี ก็ออกจากบ้านไป

ล่วงเวลามาได้สัก ๑ ปี ข้าพเจ้าเสร็จธุระเมืองไกลแล้วกลับบ้าน พอมาถึงไม่เห็นภรรยาน้อยกับบุตรก็ถามหา นางบอกว่า ทั้งสองได้ตายเสียแล้ว ข้าพเจ้ามีความเสียใจอาลัยถึงเป็นอันมาก แต่เวลานั้นเป็นคราวจวันตรุษ จึงต้องอดกลั้นความโศกเศร้าเสียใจเสีย จัดเตรียมข้าวของที่จะทําบุญในพิธีตรุษ พอถึงวันจ่าย ข้าพเจ้าสั่งให้หัวหน้าคนใช้เลือกสรรแม่โคตัวอ้วน ๆ มาให้ล้ม เพื่อแต่งอาหารเซ่นสังเวยตามประเพณี


ครั้นคนใช้นําแม่โคมามัดไว้เสร็จเรียบร้อยดีแล้วข้าพเจ้า ก็จะลงมือประหารทําพิธีบูชายัญ ทันใดนั้นแม่โคก็ร้องขึ้นเสียง น่าสมเพชนักหนา น้ําตาไหลนองลงมาเป็นทางทั้งสองตาข้าพเจ้า เห็นนึกสมเพชยิ่งนักไม่กล้าจะฆ่าลงได้ จึงสั่งให้คนใช้เอาแม่โค ตัวนั้นกลับไป แล้วให้นําเอาตัวอื่นมาแทน


ในเวลานั้นภรรยาหลวงของข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นด้วย นางเป็นโกรธเป็นแค้นนัก กล่าวยุยงคัดค้านว่า แม่โคตัวนั้นอ้วน พีดี จะหาตัวไหนมาแทนเป็นไม่ดีเท่า ไม่เห็นมีข้อจําเป็นอันใด ที่จะยกเว้น ข้าพเจ้าอยากจะตามใจภรรยาที่รัก จึงให้คนใช้ จูงแม่โคกลับมาอีก แล้วก็เข้าไปใกล้แม่โค เตรียมการจะฆ่ อีครั้งหนึ่ง แม่โคก็ร้องเสียงโศกเศร้าเป็นที่น่าสังเวชขึ้นอีก น้ําตาไหลลงพราก ๆ ข้าพเจ้าไม่อาจทนต่อสู้ความเวทนาได้ จึงส่งอาวุธเครื่องประหารให้แก่คนใช้สั่งให้เขาฆ่าแทน


คนใช้ไม่กล้าขัดขืนจึงฆ่าแม่โคตัวนั้นทันที แต่พอแลหนังออก จึงเห็นประจักษ์แก่ตาว่า ถึงแม้แม่โคตัวนั้นอ้วนพี่เป็นนักหนา แต่ก็มีแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่สมควรที่จะแต่งเป็นเครื่อง สังเวย ข้าพเจ้านึกเห็นเป็นอัศจรรย์ยิ่งนักเมื่อเนื้อแม่โคตัวที่ฆ่านั้นไม่พอใช้การ ข้าพเจ้าจึงสั่ง ให้คนใช้นำลูกโคตัวอ้วน ๆ มาแทน คนใช้ก็จูงลูกโคงามอ้วน ตัวหนึ่งมาให้ พอข้าพเจ้าเหลือบเห็นเข้าก็ให้นึกสมเพชขึ้นทันที ข้างฝ่ายลูกโคนั้นเล่า พอเหลือบเห็นข้าพเจ้าเข้า ก็ดิ้นรนจะเข้ามาหาให้ได้ พอเชือกที่จูงมาขาด มันก็นอนอยู่แทบเท้า ทอดศีรษะลงเกยเกลือกอยู่กับเท้า ทําที่จะให้สงสาร ดูราวกับ จะอ้อนวอนว่า นายท่านจงอย่าได้มีใจโหดร้ายเอาชีวิตเสียเลย จงมีความปรานีบ้างเถิด


อาการที่ลูกโคกระทําเช่นนี้ ยิ่งทําให้ข้าพเจ้ารู้สึกสงสาร มากกว่าแม่โค มีความเอ็นดูกรุณามันยิ่งขึ้น ไม่สามารถฆ่าได้ จึงสั่งให้คนใช้เอามันไปเสีย และด้วยความสังหรณ์ในใจประการ ใดประการหนึ่งก็บอกไม่ถูก จึงได้สั่งกําชับให้คนใช้เลี้ยงดูลูก โคตัวนั้นให้ดี แล้วสั่งให้นาลูกโคตัวอื่นมาแทน

ภรรยาของข้าพเจ้าได้ฟังดังนั้น ก็กล่าวคัดค้านขึ้นจะให้ฆ่าลูกโคตัวนั้นให้ได้ ว่าไม่มีตัวอื่นที่อ้วนพีดีเท่าตัวนี้อีกแล้ว ตัวไหน ๆ ก็ต้องฆ่าเหมือนกัน ถ้าไม่ฆ่าแล้วจะเอาอะไรทําบุญ เล่า นางอ้อนวอนหนักข้าพเจ้าก็เสียไม่ได้ จึงตกลงว่าจะต้องฆ่าให้ได้ แล้วให้คนใช้นาเอากลับมาอีก

แต่ครั้นพอข้าพเจ้าถือ มีดใหญ่ตรงเข้าไปจะแทงคอมัน ทันใดนั้นมันแลดูข้าพเจ้าทําตา ปรอย ๆ น้ําตาหยดย้อยลงโซมหน้า ข้าพเจ้าเห็นดังนั้นอดกลั้น ความสงสารไม่ได้ ก็ฆ่าไม่ลงอีก เป็นอันให้คนใช้นําเอาลูกโคตัวนั้นกลับไปเสียทันที ซึ่งข้าพเจ้าทำดังนั้นภรรยาของข้าพเจ้าไม่พอใจเลย พยายามว่าขานต่าง ๆ จะให้ฆ่าลูกโคตัวนั้นให้จงได้ ข้าพเจ้าไม่เชื่อฟังคำนาง เป็นอันฆ่าโคตัวอื่นทำพิธีบูชายัญแทนเป็นการเสร็จไป

วันรุ่งขึ้นเวลาเช้า หัวหน้าคนใช้อยากจะพบสนทนาด้วย ข้าพเจ้าจึงไปที่อยู่ของคนใช้ เขาบอกว่าเขามีบุตรีคนหนึ่ง รู้มนต์อาคมต่างๆ เมื่อวันวานนี้นางเห็นเหตุการณ์ทั้งหลายทุกประการ ก็ร้องไห้สงสารแม่โคที่ถูกฆ่าเป็นอันมาก และเมื่อนางเห็นบิดาจูงลูกโคกลับเป็นอันไม่ฆ่าแล้ว นางแสดงสีหน้ายิ้ม แย้มแจ่มใสอยู่ ข้าพเจ้าได้ฟังดังนั้น มีความสงสัยสังหรณ์ใน ใจว่าชะรอยจะมีเรื่องราวพิสดารอยู่ จึงให้คนใช้นําบุตรีของตนมาหา พอนางออกมา ข้าพเจ้าก็ชักใช้ไล่เลียงได้ความว่า

ระหว่างเมื่อข้าพเจ้าไม่อยู่บ้าน ภรรยาหลวงได้เรียนเวทมนต์กับปีศาจตนหนึ่ง พอนางเรียนได้แล้ว ก็ใช้วิชากระทําให้ภรรยาน้อยและบุตรของข้าพเจ้า กลายเป็นโคเสียทั้งสองคน แล้ว มอบให้คนใช้เลี้ยงดูไว้ ซึ่งนางทําทั้งนี้ก็ด้วยความริษยาหึงหวง แต่หากซ่อนความพึงพยาบาทไว้ในใจ ข้าพเจ้าจึงไม่ได้กินแหนงแคลงใจมาแต่เดิม


ครั้นข้าพเจ้าได้ทราบความดังนั้นก็ตกตะลึง จึงถามบุตรี คนใช้ว่าจําโคแม่ลูกได้หรือไม่ และจะมีหนทางแก้ไขอย่างไรได้บ้าง นางตอบว่า จําโคแม่ลูกนั้นได้ดี แต่ตัวแม่ถูกฆ่าเสียเมื่อ วันวานแล้ว ตัวลูกคือตัวที่ข้าพเจ้าสงสารฆ่าไม่ลงนั้นเอง

จงนึกดูเถิดท่านปิศาจ ว่าข้าพเจ้ามีความเศร้าสลด สงสารภรรยาน้อยและบุตรเพียงไร ภรรยาหลวงซึ่งข้าพเจ้าเห็น ว่ารักใคร่ปรานี้กันดีนั้นเป็นแต่กิริยาภายนอก ส่วนความในใจของมันนั้น เต็มไปด้วยความหึงหวงพยาบาทแรงกล้า มันมีใจโหดร้ายทําได้ถึงเพียงนั้น ข้าพเจ้ามิได้ระแวงสงสัยเสียเลย ก็เพราะด้วยมารยาของหญิงยากแท้ที่บุรุษจะล่วงรู้ถึง ครั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ซักถามบุตรีคนใช้ว่า จะช่วยแก้ไขลูกของข้าพเจ้า ให้พื้นกลับจากสาปได้หรือไม่ นางตอบว่าได้ แต่ขอให้ข้าพเจ้า ยอมให้นางทําตามความประสงค์ของนางสองประการ

ข้าพเจ้ารีบตอบทันทีว่า ซึ่งจะประสงค์สิ่งไรนั้นยอมทุกประการขอแต่แก้บุตรให้ฟื้นคืนรูปเดิมเถิด นางแจ้งความประสงค์ว่าประการที่ ๑ ขอให้ข้าพเจ้ายกบุตรชายให้เป็นสามีนาง ประการที่ ๒ ขอให้ ข้าพเจ้าอนุญาตให้นางลงโทษภรรยาหลวงคนผิดตามโทษานุโทษที่ควร


ข้าพเจ้าตอบว่า ประการที่ ๑ ซึ่งนางประสงค์จะได้บุตรชายของข้าพเจ้าเป็นสามีนั้น ยอมด้วยความยินดีและจะยกทรัพย์สมบัติให้เป็นอันมาก ส่วนภรรยาของข้าพเจ้านั้นเป็นผู้หยาบ ช้าทารุณร้ายยิ่งนัก สมควรจะได้รับโทษทันฑ์จงหนัก ซึ่งนางจะลงโทษประการไรนั้น ยอมมอบตัวให้ทุกประการ ขอแต่อย่าได้ล้างชีวิตเท่านั้น

ครั้นข้าพเจ้ายอมตกลงทุกประการแล้ว บุตรีคนใช้ก็เริ่มอ่านอาคมทําน้ำมนต์ พอเสร็จแล้วก็เดินไปที่ลูกโคตัวที่ถูกสาปพลางพูดว่า ลูกโคเอ๊ย ถ้าแหละว่าเจ้ามีกําเนิดเป็นโคก็จงรักษาร่างโคนี้ไว้ ถ้าเป็นมนุษย์แต่หากถูกสาปแล้ว ขอคุณพระอะหล่าเป็นใหญ่ จงมาช่วย แก้เจ้าให้คงคืนรูปเดิม ณ กาลบัดนี้ ด้วยอานุภาพของพระองค์ ด้วยเถิด พูดดังนั้นแล้วก็เอาน้ำมนต์รดราดลงทั่วตัว ทันใดนั้น ถูกโคก็คลายกลับจากร่างโคเป็นมนุษย์ขึ้นอย่างเดิม

พอข้าพเจ้าเห็นดังนั้น มีความดีใจยิ่งนักรีบตรงเข้าไปกอดลูกไว้กล่าวว่า ลูกที่รักของพ่อ ! เจ้าควรขอบคุณพระอะหล่าเป็นอันมาก พระองค์เป็นเจ้าเป็นใหญ่ ใช้ให้นางนี้ลงมาช่วยลูกให้พ้นจากมนต์สาปและจะได้แก้แค้นแทนแม่ของลูก ทั้งนี้ลูกควรจะมีกตเวทีรู้สึกบุญคุณของนาง และจงรับนางผู้มีคุณนี้ไว้เป็นภรรยาตามที่พ่อได้ให้คํามั่นสัญญาไว้กับนางเถิด ลูกชาย ข้าพเจ้ายินยอมด้วยความยินดี แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้แต่งงานกันตามประเพณี บุตรีคนใช้ได้สาปภรรยาหลวงของข้าพเจ้าให้เอารูปเป็นเนื้อทรายนี่แหละ เนื้อทรายตัวที่ท่านเห็นอยู่ในเฉพาะหน้าท่าน ณ บัดนี้ คือภรรยาของข้าพเจ้า

ครั้นแล้ว บุตรชายของข้าพเจ้าก็ได้อยู่กันเป็นสามีภรรยากับบุตรีของคนใช้ ล่วงกาลนานมา บุตรสะใภ้ของข้าพเจ้าได้ถึงแก่กรรมลง สามีของนางมีความเสียใจเป็นอันมาก ละบ้านช่องหายไปหลายปีแล้ว ข้าพเจ้าออกเที่ยวติดตามหาก็ยังไม่พบ ที่ข้าพเจ้าต้องเอาภรรยาคือเนื้อทรายตัวนี้เดินทางมาด้วย ก็เพราะว่าไม่ไว้วางใจบ่าวไพร่ เกรงว่านางจะไม่ได้รับความสุข เรื่องราวของข้าพเจ้ากับเนื้อทรายก็จบลงเพียงแต่เท่านี้ ท่านพญามารยังจะเห็นว่ามีนิยายเรื่องใดบ้าง ซึ่งมีมเนื้อความประหลาดยิ่งกว่านี้

สุลตานาเซเฮอร์ซาเด เล่านิยายถวายพระเจ้าชาห์เรียร์ มาได้ถึงเพียงนี้แล้ว จึงทูลว่า ข้าแต่พระราชสวามี ปีศาจยังมิทันตอบประการไร กับชายชราคนที่ ๑ ที่เล่านิทานจบลง ชายผู้เฒ่าคนที่ ๒ จึงเอ่ยปราศรัยกับปีศาจทันทีว่า ข้าแต่พญาผี ข้าพเจ้าจะขอเล่าเรื่องของข้าพเจ้ากับสุนัขดําสองตัวนี้ให้ท่านฟัง เชื่อว่าเรื่องนี้ประหลาดอัศจรรย์ยิ่งกว่าเรื่องของชายชราคนที่ ๑ 6 ซึ่งท่านได้ฟังแล้ว การที่ขอชิงเล่าให้ท่านฟังก่อนที่ท่านจะตอบว่า ท่านจะยกโทษให้นายพาณิชหรือไม่นั้น ก็เพราะข้าพเจ้าเกรงว่า ท่านจะยังไม่เพลิดเพลินใจ ในความประหลาดอัศจรรย์ในเรื่องต้น พอที่จะยกโทษให้นายพาณิชและถ้าการณ์เป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอให้ท่านฟังเรื่องของข้าพเจ้าก่อนเถิด ว่าเท่านั้นแล้ว ชายชราคนที่ ๒ ก็เอยเล่านิยายต่อไปว่า (ชายชรากับสุนัขดำ)

leave a comment