Skip to content Skip to footer
16May

ชาวประมงและจอมอสูร

ข้าแต่พระราชา แต่กาลก่อนมีชาวประมงชราผู้ หนึ่งยากจน ต้องออกจากบ้านเที่ยวทอดแหหาปลามาเลี้ยงบุตร ภรรยาทุกเช้า เมื่อยังหนุ่มอยู่ได้ปฏิญาณไว้ด้วยความจําเป็นว่าใน วันหนึ่งจะต้องทอดแหหาปลาไม่ให้เกินสี่ครั้ง ชาวประมงชราถือ สัญญาอันนี้เคร่งครัดนัก ต่อมามีครอบครัวบุตรหญิงชายหลายคน หาปลามาได้น้อยไม่ใคร่จะพอเลี้ยงกัน แต่ก็หาล่วงละเมิดเหวี่ยง แห่ให้เกินสีโครมไม่ และมักจะรู้สึกเสียใจบ่อย ๆ ที่ต้องจําเป็น ถือสัตย์ปฏิญาณข้อนี้

วันหนึ่ง ชาวประมงทอตแหตั้งแต่เวลาเข้าตรู พอแบก แหมาถึงขายทะเลสาบ ก็เปลืองเครื่องแต่งกายชั้นนอกออกกอง ไว้แล้วก็เหวี่ยงแหลงไปเป็นครั้งที่หนึ่ง เมื่อค่อย ๆ ลากแหขึ้นมารู้ สึกว่ามีน้ําหนักมาก ก็นึกดีใจว่าคราวนี้เห็นจะได้ปลามากมาย

ครั้นสาวแหขึ้นมาบนตลิ่งหามีกุ้งปลาติดแหไม่ มีแต่ซากศพขึ้นมา ชาวประมงชราเสียใจบ้างเล็กน้อยที่ไม่สมคาด แต่ยังมีความหวัง อยู่ว่าจะทอดแหได้อีกถึงสามคราว จึงเดินขยับเลื่อนออกไปจากที่ เก่า ได้ทําเลก็เหวี่ยงแหลงไปอีกเป็นครั้งที่สอง พอลากแหขึ้นมา เห็นมีแต่ตะกร้าใบใหญ่เต็มไปด้วยทรายและตมเลน หามีปลาสัก ตัวไม่ ครั้งนี้เสียใจมากขึ้นพูดกับตัวเองเสียงกระเส่า ๆ ว่า โอลาภ เย้ยลาภ ช่างเกิดวิบัติขัดข้องแก่เราเสียนี่กระไร จงอย่ามีเช่นนี้ เสียทีเถิด อย่าแกล้งปล่อยให้คนอนาถาอดตายเสียเลยจงเอ็นดูบ้าง ข้าพเจ้าทําการทั้งนี้ก็เพื่อเลี้ยงชีวิตตัว หามุ่งหมายจะเอาปลาไป ค้าขายหวังความร่ํารวยประการไรมได้ นอกจากหนทางนี้แล้วก็ ไม่มีทางจะทํากินอย่างอื่น

ชาวประมงปราบ่นพึมพาอยู่คนเดียว ต่อไปอีกมากมาย ปากบ่นไปพลางมือกเหวี่ยงตะกร้าใบใหญ่ทั้ง ไปเสีย แล้วจับแหส่ายไปมาบนน้ําล้างโคลนเลนเสร็จแล้ว ก็ขยับ เลื่อนที่ทําเลออกไปใหม่เห็นเหมาะดี จึงเหวี่ยงแหลงอีกเป็นครั้ง ที่สาม ครั้งนี้ก็ไม่ได้ปลา มีแต่สรรพก้อนหินหอยและกิ่งไม้ต่าง ๆ ชายชราแทบหมดสติ มีความเสียใจเป็นอันมากเหลือที่จะ กล่าวถูก เพราะได้ทอดแหลงถึงสามครั้งแล้วยังไม่ได้ปลาสักตัว เดียว เหลืออีกหนหนึ่งเท่านั้นไหนเลยจะได้ปลาเลี้ยงบุตรภรรยา และท้องของตนเพียงพอ แต่ถึงจะคิดเช่นนั้นก็ใช่ว่าจะไม่ทอด แหให้ครบสี่ครั้งก็หามิได้ เพราะถึงว่าจะได้กุ้งปลาบ้างสักเล็กน้อย ก็ยังดีกว่าไม่ได้เสียเลย ต้องแบกแหกลับบ้านและทนความ หิวโหยไปวันยังค่ําจนกว่าจะรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง



ขณะเมื่อกําลังร้าจึงอยู่นี้ พอดีได้เวลาพระอาทิตย์ขึ้น ชาวประมงชราก็วางแหลงสวดมนต์ตามลัทธิผู้นับถือกราบไหว้พระ อาทิตย์ พอสิ้นบทสวดมนต์ลงก็กล่าวเพิ่มต่อไปอีกว่า พระอาหล่า ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ พระองค์ก็ทรงทราบดีอยู่แล้วว่า ข้าพเจ้า ทอดแหได้เพียงวันละสี่ครั้งเท่านั้น วันนี้ข้าพเจ้าทอดลงไปสาม ครั้งแล้วหาได้กุ้งปลาสักตัวเดียวไม่ ยังเหลืออีกครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าพระองค์ ไม่โปรดบันดาลผลบ้างแล้ว ก็เห็นว่าข้าพเจ้าและ ครอบครัวจะอดเป็นแน่ เพราะฉะนั้น ขอพระองค์จึงโปรดสัตว์ผู้ ยากด้วยเถิด

เสร็จคําอ้อนวอนแล้ว ชาวประมงชราก็ทอดแหลงไป เป็นครั้งที่สี่ด้วยความระมัดระวังนักหนา เพราะฉวยพลาดพลั้ง ครั้งนี้น่าที่จะต้องทนความหิวไปเป็นแน่ จึงบรรจงสาวแหขึ้นมารู้สึกหนักมือ สําคัญใจว่าติดกุ้งปลามากมายเหมือนอย่างที่ดีใจ

เมื่อหนแรก แต่ครั้งนี้ก็อีกแหละ ควรที่จะเห็นมีกุ้งปลาแม้แต่ตัวเดียว กลับเห็นมีหม้อทองแดงใบหนึ่งติดขึ้นมาด้วย ฝาหม้อปิดสนิทแน่นมีรอยลงเลขยันต์ประทับตราไว้เป็นสําคัญ สังเกตเอา ตามน้ําหนักดูเหมือนว่าจะมีอะไรอยู่ภายใน จึงรีบเปิดฝาออกทัน ที่หวังว่าจะได้พบสิ่งของที่มีราคาบ้าง

แต่ครั้นเปิดออกแล้ว ให้นึกประหลาดใจเป็นอันมากที่ไม่เห็นมีอะไรในหม้อเลย ชาวประมงค์ชราก็โยนหม้อทิ้งเสียทอดสายตาดูด้วยความวิตกเป็นทุกข์ ถึงครอบครัวและท้องของตน ขณะนั้นมีควันพลุ่งออกมาจากหม้อ ชาวประมงค์ชราตกใจตะลึงเพ่งอยู่ ควันค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นเป็น ลําดับสูงเทียมเมฆ แล้วกระจายออกเป็นหมอกมีดไปทั่วทิศ พอ ควันพลัง ๆ ออกมาจากหม้อสิ้นเชิงลงในไม่ช้า ก็ติดต่อรวมกัน เข้าปรากฏเป็นรูปปีศาจตนหนึ่งโตใหญ่

ชายชราคนหาปลาตก ใจกลัวจนตัวสั่นสิ้นสติอยากจะออกวิ่งหนี แต่โดยความตกใจกลัว จึงไม่สามารถวิ่งหนีไปได้ ยืนตัวสั่นเทิ้มอยู่กับที่ ปีศาจตนนั้นร้องว่า โซโลมอน โซโลมอน มหาบัณฑิตจงโปรดเอ็นดูยกโทษให้ ข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจะไม่ขัดขึ้นพระองค์อีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่ บัดนี้ไปจะนั่งบังคับบัญชาของพระองค์ โดยดี
คนหาปลาพอได้ยินถ้อยคําอ้อนวอนของปีศาจ ก็ค่อยมี สติคนมาพูดออกได้ว่า เจ้าปีศาจจองหอง เจ้าร้องว่ากระไร พระเจ้าโซโลมอนผู้เป็นปราชญ์ในพระอาหล่านั้น ได้สิ้นพระชนมไป เป็นเวลากว่า ๑๘๐๐ ปีแล้ว ไฉนเจ้ามาร้องเรียกหาอยู่อีกเล่า เจ้ามีเรื่องราวอย่างไรหรือ ไหนเจ้าลองว่าให้เราฟังที่เถิด และ ด้วยเหตุผลประการไร เจ้าจึงต้องถูกกักขังอยู่ในหม้อทองแดงและ ถูกถ่วงทะเลดังนี้


ปีศาจหันมาดูคนหาปลาด้วยตาดุ หน้าถมึงทึงโหดร้าย แล้วตอบว่า เจ้ามนุษย์น้อยนี่บังอาจเรียกขาได้ว่าปิศาจจองหอง เจ้าไม่รู้หรือว่า ชีวิตของเจ้าจะพลันดับลงในบัดเดี๋ยวนี้แล้ว ก่อน ที่ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าเสียนี้ เจ้าจงพูดกะข้าให้สุภาพสักหน่อย เพื่อเวลา หายใจของเจ้าจะได้มีนานไปบ้างสักเล็กน้อย

คนหาปลาฝืนใจทํา เป็นพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า เจ้าจะฆ่าฟันข้าด้วยเหตุไร ข้าช่วยให้เจ้าพ้นจากถูกกักขังอยู่เดี๋ยวนี้เอง ลืมเสียแล้วหรือ ? ปีศาจ ใจร้ายตอบว่า ข้อนั้นข้าไม่ลืม เหตุที่ไม่ลืมนั่นเอง ข้าจึงจําได้ ว่า ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย บัดนี้ข้าเอ็นดูเจ้าที่ช่วยข้า เพราะฉะนั้น ข้าให้เจ้าเลือกเอาว่าเจ้าจะตายสถานไร เป็นการตอบแทนคุณ

คนหาปลาเถียงว่า ซึ่งเจ้าจะฆ่าข้าเสียบัดนี้ ข้ามีเรื่องผิดพ้อง หมองใจอันใดหรือ ข้าเห็นมีแต่บุญคุณอยู่แก่เจ้าเป็นอันมาก ที่ ช่วยให้เจ้าออกจากหม้อทองแดงได้ หาไม่ป่านนี้เจ้าก็ยังคงจมอยู่ ในท้องทะเลตามเดิม นี่หรือเป็นรางวัลที่เจ้าจะตอบแทนข้าผู้ให้ความอิสระแก่เจ้า หรือเจ้าจะเนรคุณฆ่าข้าเสียด้วยข้อที่ข้าช่วย เจ้าให้พ้นภัยนั้นเอง ปีศาจพูดว่า ข้าจะทดแทนคุณเจ้าอย่างอื่นไม่ได้ เพื่อเจ้าจะทราบเค้ามูลว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ข้าจึงจะ ต้องฆ่าเจ้าเสียดังนี้ เจ้าจงฟังเรื่องราวของข้าเถิด


ตัวข้านี้เป็นปีศาจผู้ทรยศ คิดขบถต่อพระผู้เป็นเจ้าบน สวรรค์ ปวงปีศาจทั้งหลายพากันเกรงกลัวนับถือพระเจ้าโซโลมอน ผู้โปรเฟตของพระเจ้าสิ้นทั้งนั้น แต่สาคาและตัวข้าไม่อ่อนน้อม เฝ้าแต่ทําการขัดขึ้นพระเจ้าโซโลมอนด้วยประการต่าง ๆ พระ เจ้าโซโลมอนผู้มีอานุภาพ ใช้ให้อาสาพผู้บุตรของพารฆยาเสวก ของพระองค์มากุมตัวข้าไปถวาย พระเจ้าโซโลมอนตรัสบังคับ ให้ข้าทั้งทางที่ชั่วเสีย หันเข้าอยู่ทางสัมมาปฏิบัติตามวินัยที่พระ องค์ตราไว้ ข้าไม่ยอมอยู่ในบังคับของเธอ ขึ้นดื้อดึงอยากจะเป็น พาลขัดอํานาจพระเจ้า เธอจึงจับเอาตัวข้าใส่หม้อทองแดงใบนี้ แล้วลงยันต์จารึกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า กับประทับตราของ พระองค์ปิดปากหม้อไว้ เพื่อมิให้ขาหนีออกไป ครั้นแล้วเธอตรัส สั่งปิศาจผู้บริวารของเธอตนหนึ่ง นําตัวข้ามาถ่วงเสียในทะเลสาบ


ในยุคต้นที่ตัวข้าถูกกักขังอยู่นั้น ข้าได้สาบานไว้ว่าถ้าผู้ ใดช่วยให้หลุดพ้นออกจากหม้อทองแดงได้ภายในเวลารอบ ๑๐๐ ปีแรก ข้าจะให้ผู้นั้นร่ํารวยเป็นเศรษฐี เวลา ๑๐๐ ปีแรกล่วงไปแล้ว ก็หามีผู้ช่วยไม่ ข้าต้องถูกกักขังอยู่กันทะเลเป็นเวลา ๑๐๐ ปี

ครั้งในระยะร้อยปีที่ ๒ ข้าสาบานไว้ว่า ถ้าผู้ใดช่วยได้ ข้า จะชี้ขุมทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีอยู่บนพื้นแผ่นดินให้แก่ผู้นั้นจนสิ้น แต่ก็หามีผู้ใดมาช่วยไม่

ในระยะร้อยปีที่ ๓ ข้าได้สาบานไว้ว่า ถ้า ผู้ใดช่วยได้ ข้าจะบันดาลให้ผู้นั้นเป็นพระมหากษัตริย์ทรงเดชานุภาพใหญ่ยิ่ง แล้วตัวข้าจะเป็นวิญญาณรับใช้ผู้นั้นอยู่ป้องกัน อันตรายไม่ให้มีมาแผ้วพานผู้นั้นได้ และนอกจากนั้นยังจะยอม ให้ผู้นั้นปรารถนาของที่ต้องประสงค์ ได้วันละ ๓ ประการทุก ๆ วันไปจนตลอดชีวิตของผู้นั้น ปรารถนาสิ่งไรข้าก็จะคอยบันดาล
ให้ ร้อยปีที่ ๓ นี้เล่าก็ล่วงไปเช่นเดียวกับเมื่อ ๒๐๐ ปีที่แล้วมา ข้าต้องตรากตรําลําบากอุดอู้อยู่ในหม้อทองแดงนี้ถึง ๓๐๐ ปี


ในระยะ ๑๐๐ ปีต่อ ๆ มา ข้าก็ยิ่งเพิ่มคําปฏิญาณยิ่ง ขึ้นทุกที ถ้าผู้ใดมาช่วยได้ในระหว่างนั้นจะอุดมด้วยโชคลาภ สักการะใหญ่หลวงนัก แต่ก็ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดโชคดีที่จะพบหม้อ ทองแดงนี้ ในที่สุดเมื่อเวลาล่วงมาได้กว่าพันปีแล้วก็ไม่มีผู้ใดช่วย ข้าปล่อยทิ้งให้ถูกกักขังลําบากตรากตราอยู่คนเดียว ข้าก็เกิดโทสะขึ้นสาบานไว้ว่า แต่นี้ต่อไปในวันหน้า ถ้าผู้ใดมาช่วยให้ หลุดพ้นได้ก็จะฆ่าผู้นั้นเสีย จะปรานีแต่เพียงยอมให้เลือกเอาว่า จะตายด้วยประการไรตามชอบใจเขาเท่านั้น

เหตุด้วยคําสาบาน ดังได้เล่าให้เจ้าพังนี้แหละ เมื่อเจ้าเป็นผู้เคราะห์ร้ายมาช่วยข้าออกจากหม้อทองแดงได้วันนี้ ข้าก็จะต้องเอ็นดูตามปฏิญาณ จงเลือกเอาความตายเสียโดยเร็วว่าจะตายอย่างไรก็ตามใจชอบของ เจ้าเถิด

เมื่อชาวประมงชราได้ฟังปีศาจเล่าเรื่องของมันจบลง ให้เศร้าใจกลัวความตายตัวสั่น เป็นทุกข์ถึงบุตรภรรยาว่าจะลําบาก ยากแค้นนักหนา พยายามอ้อนวอนปีศาจด้วยถ้อยคําต่าง ๆ แต่
มันก็หากรุณาจะให้ชีวิตใหม่ไม่ มันยืนคำอยู่ว่าจะต้องฆ่าเสียให้ได้ตามคําปฏิญาณ

คนหาปลานึกแค้นใจตัวเองว่า พุทโธเอ๋ย เรานี่ช่างเคราะห์ร้ายนักหนา มาช่วยไอ้ผีอกตัญญูเช่นนี้ไว้ได้ พลางพูดรําพันอ้อนวอนขอชีวิตกับปีศาจว่า ท่านปีศาจผู้มีอํานาจ จง คิดดูบ้างเป็นไรว่าคําสัตยาธิษฐานของท่านนั้นเป็นความอยุติธรรม โหดร้ายโดยแท้ ไม่พอที่เลยจะสาบานไว้เช่นนั้น ขอท่านจงโปรด ให้ชีวิตข้าเถิด ข้าเป็นคนอนาถาต้องเลี้ยงบุตรภรรยาหาเช้ากิน ค่ําเสมอเป็นนิตย์ ถ้าท่านฆ่าข้าเสียแล้ว เห็นว่าบุตรภรรยาก็จะ พากันอดตายเป็นแน่

ความจริงซึ่งแต่ส่วนชีวิตข้านั้นหาเสียดายไม่ ถึงคราวเคราะห์แล้วก็จําต้องสนองกรรมไปตามกาล สงสาร แต่ภรรยากับบุตรจะคอยหาและหิวโหยอยู่ตลอดวัน ไม่กี่วันก็จะพากันอดตายสิ้น ขอท่านจงไว้ชีวิตข้าเถิด พระอาหล่าก็จะอด โทษแก่ท่านเช่นเดียวกัน


ปิศาจใจร้ายไม่ฟังเสียงวิงวอน ตอบว่า ไม่ได้ ไม่ได้ เจ้าต้องตาย จะตายอย่างไรก็จงรีบตกลงใจเสียเดี๋ยวนี้ จึงคิดอยู่ แต่ในใจว่า เราทําคุณแก่มัน แต่มันไม่รู้คุณ เราก็ย่อมได้รับ โทษเป็นกรรมตามสนองเช่นนี้เสมอไป แต่เราจะไม่มีทางแก้ไข แล้วหรือ เมื่อพยายามอ้อนวอนให้ปีศาจไว้ชีวิตโดยละม่อมไม่เป็น การสําเร็จแล้ว ก็จําเป็นจะต้องคิดหาอุบายหลีกเลี่ยงความตายให้ จงได้ ขณะนั้นคิดอุบายได้อย่างหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพราะความจําเป็นเครื่องบังคับให้เกิดปัญญานั่นเอง

ครั้งแล้วจึงพูดกับปีศาจว่า ถ้าข้าจะหนีความตายไม่พ้นแล้วก็จะยอมตายโดยดี สุดแล้วแต่พระ ลิขิตแห่งพระอาหล่าเป็นเจ้าจะบันดาลให้เป็นไป แต่ก่อนที่จะ เลือกว่าจะตายอย่างไรนั้น ข้าอยากจะถามความเจ้าสักข้อหนึ่ง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องตอบโดยจริงต่อหน้าพระนามของพระเจ้า ซึ่งตราจารึกอยู่บนปากหม้อทองแดง และต่อหน้าพระนามของพระ เจ้าโซโลมอนผู้โอรสดาวิด อันพระนามที่กล่าวนี้เจ้าย่อมเกรงกลัวเคารพนับถือ

พอปีศาจใจร้ายได้ยินออกพระนามพระอาหล่า และพระ เจ้าโซโลมอนดังนั้น ก็เกิดความหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา ไม่กล้า จะมีเสียงดุร้ายต่อไปอีก จึงตอบกับคนหาปลาว่า เจ้าจะถามอะไร ก็ให้ว่าไป ขอให้ถามไว ๆ เท่านั้น ต่อหน้าพระนามของพระเจ้า


ข้าจะตอบเจ้าตามความจริงเสมอ คนหาปลาได้ฟังคํามั่นสัญญาดัง นั้นจึงพูดว่า นี่แน่ะปีศาจ ตามเรื่องราวของเจ้าที่เล่าให้ฟังว่า เจ้าอยู่ในหม้อทองแดงนี้ ข้ายังสงสัยอยู่ เพราะไม่เชื่อว่าเจ้าจะ เข้าไปอยู่ในหม้อทองแดงใบเล็กนิดเดียวได้อย่างไร ตัวเจ้าใหญ่โต เพียงแต่ตีนอย่างเดียวก็แน่นหม้อเสียแล้ว ปิศาจตอบว่า ข้าสาบานได้ว่าเรื่องราวของข้าที่เล่าให้เจ้านั่งนั้นจริงทั้งสิ้น ข้าถูก ยังอยู่ในหม้อทองแดงใบนี้จริง ๆ

คนหาปลายั่วให้เหลิงว่า ข้าไม่เชื่อหรอก ตัวเจ้าใหญ่จะเข้าไปอยู่ในหม้อใบเล็กนิดได้อย่างไร เรื่องอย่างนี้ถ้าข้าเห็นด้วยตาเองนั่นแหละจึงจะเชื่อได้ ปีศาจ โง่ไม่ทันคิดหลงอุบายชาวประมง จึงพูดว่า เจ้าไม่เชื่อก็คอยดู

ทันใดนั้น รูปของปีศาจก็กลายกลับเป็นหมอกควันกระจายกลบไปทั่วท้องฟ้าอย่างที่กล่าวแล้วแต่ก่อน ค่อย ๆ เริ่มผ่อน เลื่อนลอยเข้าหม้อทองแดง จนหมอกควันภายนอกหมดสิ้นไป ทันที่นั้น มีเสียงร้องออกมาจากในหม้อว่าที่นี้แหละเจ้าเฒ่าชาวประมง เจ้าเชื่อหรือยังว่า ข้าสามารถเข้าอยู่ในหม้อได้

คนหาปลาไม่โต้ตอบว่ากระไร วิ่งไปเอาฝาหม้อปิดลง แล้วจึงกล่าวกะปีศาจว่า เฮยเจ้าผีใจร้าย ที่นี้เป็นคราวที่เจ้าจะ ต้องอ้อนวอนข้าบ้างละ แต่เจ้าจะอ้อนวอนอย่างไรข้าก็จะตอบเจ้า อย่างที่เจ้าตอบข้ากระนั้น จะผิดกันอยู่แต่ข้าไม่ยอมให้เจ้าเลือก เอาว่าจะตายสถานไร เพราะข้าเห็นว่าเอาเจ้าถ่วงน้ําไว้ตามเดิม จะดีกว่าฆ่าเจ้า ข้าจะมาปลูกเรือนอยู่ที่ชายทะเลตรงนี้ เพื่อคอย บอกกับชาวประมงทั้งหลายว่า ถ้าใครเคราะห์หามยามร้ายพบ เจ้าเข้า ก็อย่าได้เปิดฝาหม้อปล่อยให้เจ้าออกได้เป็นอันขาด ใคร พบปะเจ้าเข้าก็ให้เอาถ่วงลงไว้ตามเดิม เพราะเจ้าเป็นผู้อุบาทว์ ปฏิญาณไว้ว่า จะฆ่าผู้ช่วยความทุกข์ร้อนของเจ้าให้ตายตกไป

เมื่อปีศาจรู้สึกตัวว่าหลงกลมนุษย์ และได้ฟังถ้อยคําปรามาสดังนั้น ก็นึกโกรธ พยายามจะกลบออกมาจากหมออีก แต่จะดิ้นรนประการไรไม่สมปรารถนา เพราะดวงตราของพระเจ้า โซโลมอนผู้ศาสดาพยากรณ์โอรสพระเจ้าตาวิด ป้องกันไว้มิให้มัน ออกได้ มันรู้สึกนึกรู้ตัวว่าคนหาปลาเป็นต่ออยู่ จึงกลั้นโทสะเสีย เปลี่ยนเสียงพูดเป็นอ้อนวอนว่า

ท่านผู้ใจดีขอจงเปิดฝาหม้อออกเถิด ข้าจะไม่ทําอันตรายท่าน ที่พูดเมื่อตะกันเป็นเพียงล้อเล่น เท่านั้น ไม่ควรจะเชื่อเอาเป็นจริงเป็นจัง

คนหาปลาได้ฟังจึง ตอบว่า เจ้าปีศาจร้ายผู้เนรคุณ เมื่อสักครู่แสดงอิทธิฤทธิ์ประหนึ่ง ว่าเป็นพญาผีผู้ทรงอํานาจ เวลานี้สิพูดเสียงอ่อนน้อมเป็นผีไม่มีศาล เจ้าอย่าหมายเลยว่าข้าจะเชื่อถ้อยคําของเจ้า ถ้าข้าโง่เขลา หลงเชื่อเจ้า ก็เห็นว่าจะเอาชีวิตไม่รอดแน่แล้ว มีอยู่ทางเดียว เท่านั้นที่ข้าควรจะทํา คือถ่วงเจ้าเสียบัดนี้

ปีศาจร้ายยังพยายาม อ้อนวอนอยู่อีกว่า ท่านจงสงสารเอ็นดูเปิดฝาหม้อให้ออกได้เถิด จะสมณาคุณท่านให้ถึงใจ จะปรารถนาสิ่งใดจะบันดาลให้ได้ทั้งสิ้น ชาวประมงค์ตอบว่าเจ้าปีศาจผู้ทรยศ อย่าอ้อนวอนให้เสียเวลาเลย ข้าไม่เชื่อเจ้าเป็นอันขาด เขารู้สัญดานเจ้าว่าเป็นผู้ไม่รู้จักคุณคน ถ้าช่วยเจ้าก็คงจะต้องทําแก่ข้าอย่างเดียว กับที่กษัตริย์กรีกทําแก่นายแพทย์ดูบันกระนั้น

ปิศาจถามว่าเรื่องเป็นอย่างไร ชาวประมงว่า ข้าจะเล่าให้ฟังก่อนก็ได้ แล้วจึงจะเอาเจ้าถ่วงลงท้องทะเลเสีย ชาว ประมงจึงเริ่มเล่านิยาย “เรื่องกษัตริย์กรกกับนายแพทย์ดูบันว่า”


*** เมื่อถึงคราวจะจบนิยายเรื่องเดิมก็จะขึ้นเรื่องใหม่ คือ “เรื่องกษัตริย์กรกกับนายแพทย์ดูบันว่า” เป็นถ้อยคําของสุลตานาเชเฮอร์ซาเอกราบทลสุลต่านชาห์เรียร์ และมีความ กล่าวเท้าถึงเวลาอุสาโยคเข้ามาแทรกแทบทุก ๆ เรื่องๆ ***

ตอนจบของเรื่อง “หลังจากเป็นอิสระจอมอสูรเลยมอบพรให้กับชาวประมง ขอให้เขาตกปลาได้เยอะๆ และยังบอกให้ชาวประมงนำปลาไปขายให้กับสุลต่านอีกด้วย เวลาต่อมาสุลต่านสอบถามถึงสถานที่หาปลาของชาวประมงและพระองค์ก็มาสำรวจทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งพระองค์ก็ได้พบกับทายาทของตนเอง เจ้าชายที่ครึ่งร่างกลายเป็นหิน หลังจากเหตุการณ์นั้นสุลต่านและชาวประมงก็กลายเป็นมิตรสหายกัน”

ขอขอบคุณ เนื้อหาหลักจากหนังสือ อาหรับราตี ของ มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป

Web: https://www.snf.or.th/2019/about-snf/

Facebook: https://www.facebook.com/snfsiam/

leave a comment