Skip to content Skip to footer
14May

เจ้าหญิงคางุยะ

ในอดีตกาลนานมาแล้ว ลึกเข้าไปในป่าไผ่ มีชายชราและภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ ทั้งสองยากจนมากและไม่มีลูก ชายชราใช้เวลาตอนกลางวันตัดไม้ไผ่ทำตะกร้า โต๊ะ และสินค้าอื่นๆไปขายในเมือง ทุกๆคนเรียกชายชราผู้นี้ว่า”คนตัดไม้ไผ่”

วันหนึ่ง ขณะที่ชายชรากำลังมองหาต้นไผ่ที่มีลักษณะเหยียดตรงดี เขาได้สังเกตุพบว่ามีลำแสงสีทองส่องประกายอยู่ในความมืด ลำแสงนั้นเหมือนออกมาจากลำไม้ไผ่ที่เรียวงามลำหนึ่ง ชายชราพิศวงมากจึงผ่าไม้ไผ่นั้นออกดู

ภายในปล้องไม้ไผ่นั้นมีเด็กหญิงทารกร่างกระจิริดคนหนึ่งสูงประมาณ 3 นิ้ว เธอน่ารักมาก ชายชราได้หยิบร่างของเด็กหญิงน้อยขึ้นมา แล้วนำเธอกลับไปบ้าน ชายชราได้เล่าเรื่องราวมหัศจรรย์ให้ภรรยาฟัง ทั้งสองตัดสินใจตั้งชื่อเด็กหญิงผู้นี้ว่า “คางูยะ ฮิเมะ” ( Kaguya hime) ซึ่งมีความหมายว่า “เจ้าหญิงรัศมี”

ต่อจากนั้นมาก็มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น ทุกๆวันชายชราจะพบต้นไผ่ที่เรืองแสงแบบเดียวกันอีก แต่ไม่เคยพบเด็กหญิงอยู่ข้างในอีกเลย แต่กลับมีเหรียญทองคำจำนวนมหาศาล ไม่ช้าสองตายายก็กลายเป็นคนมั่งคั่ง ทั้งสองจึงเลี้ยงดู คางูยะ ฮิเมะ เหมือนกับการเลี้ยงดูเจ้าหญิง

คางูยะ ฮิเมะ เติบโตเร็วมากถึงวันละ 1 นิ้ว เธอดูเจิดจ้าและมีชีวิตชีวามากขึ้น ชายชราสุขใจมาก แต่เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง คางูยะ ฮิเมะ ก็เติบโตเป็นสาวเต็มตัว เธอสวยจนใครๆต่างคิดว่าเธอเป็นนางฟ้ามาจากโลกอื่น ชายหนุ่มที่มาพบเธอเข้าต่างพากันตกหลุมรักเธออย่างไม่อาจจะทนได้

มีลูกชายเศรษฐีมากมายเดินทางมาขอแต่งงานกับ คางูยะ ฮิเมะ แต่เธอปฏิเสธที่จะพบพวกเขา เธอบอกว่า “หนูจะไม่จากคุณพ่อคุณแม่ไปเด็ดขาด” ชายชราภูมิใจกับคำพูดของลูกสาวมาก แต่ชายหนุ่มที่มาขอแต่งงานทั้ง 5 คนนั้นเป็นลูกเศรษฐีและมีความตั้งใจที่จะแต่งงานกับเธอให้ได้ พวกเขาจึงมาตั้งแคมป์พักแรมอยู่นอกประตูบ้านเพียงเพื่อจะได้มีโอกาสยลโฉมของเธอ

ในที่สุด ชายชราก็เริ่มใจอ่อน จึงได้ตัดสินใจขอร้องลูกสาวให้เลือกชายมาเป็นสามีของเธอคนหนึ่ง

“เอาล่ะ ถ้างั้น” คางูยะ ฮิเมะพูดเบาๆ “หนูจะแต่งงานกับคนที่สามารถนำสิ่งที่หนูขอมาได้ กรุณาบอกชายคนแรกให้นำกิ่งไม้ทองคำที่เต็มไปด้วยผลไม้สีอำพัน ส่วนคนที่สองให้นำหนังสัตว์ที่มีขนเป็นทองคำบริสุทธิ์มา”

ความต้องการแต่ละอย่างของ คางูยะ ฮิเมะ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสักเรื่องเดียว แม้กระทั่งเรื่องสุดท้าย เธอก็ขอให้นำพัดที่ส่งประกายแสงคล้ายแสงอาทิตย์อุทัยสร้อยคอที่ทำจากดวงตามังกร และกระดาษที่มองเห็นในยามค่ำคืนมาให้เธอ

ชายชราได้นำข่าวสารจากลูกสาวมาแจ้งกับชายหนุ่มทั้งห้า แล้วทั้ง 5 คนก็ออกเดินทางพร้อมกับปฏิญาณว่าจะกลับมาพร้อมด้วยสิ่งที่ คางูยะ ฮิเมะ ต้องการ ชายชรารู้สึกว่าสิ่งที่ชายหนุ่มทั้ง 5 กล่าวเป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ทำยาก และเขามั่นใจว่าชายหนุ่มเหล่านั้นจะต้องล้มเลิกความคิดที่จะแต่งงานกับลูกสาวเขาอย่างแน่นอน

แต่ชายชราคิดผิด สองเดือนต่อมา ชายหนุ่มทั้ง 5 เดินทางกลับมาพร้อมด้วยสิ่งของที่ คางูยะ ฮิเมะ ร้องขอ แต่เมื่อของขวัญเหล่านั้นถูกนำไปตั้งแสดงต่อหน้า คางูยะ ฮิเมะ เธอก็ประกาศทันทีว่า สิ่งของทั้งหมดนั้นล้วนแต่ไร้ค่า ทั้งนี้เพราะความงามโดยธรรมชาติของหล่อนเองนั้นส่องประกายเจิดจ้าข่มบรรดาสิ่งของที่มีสีสันแพรวพราวที่บรรดาชายหนุ่มนำมา และชายหนุ่มยังถูกขอให้บอกความจริงว่าสิ่งของที่หามานั้นเป็นของปลอม ชายหนุ่มทั้ง 5 ออกจากบ้านไปด้วยความเศร้า และไม่เคยกลับมาหาเจ้าหญิงผู้น่ารักนี้อีกเลย

ชายชรารู้สึกโล่งใจที่ลูกสาวที่น่ารักจะไม่ต้องจากตนไปอยู่ที่อื่น แต่ความสุขดังกล่าวอยู่ได้ไม่นาน เพราะว่าในเดือนที่ 8 ของปีนั้น คางูยะ ฮิเมะ จะนั่งจ้องมองดวงจันทร์ที่ยังไม่เต็มดวงทุกวัน คืนแล้วคืนเล่า และยิ่งดวงจันทร์โตสว่างขึ้นเพียงใด ดวงตาของเธอก็จะเศร้าสร้อยยิ่งขึ้น

“คางูยะ ฮิเมะ อะไรหรือที่ทำให้ลูกเศร้าสร้อยเช่นนั้น” สองตายายถาม คางูยะ ฮิเมะ หลั่งน้ำตาแล้วซบศีรษะลงบนตักของยายเฒ่า
“แม่ขา หนูอยากจะอยู่กับแม่ตลอดไปแต่หนูจะต้องกลับไปนครแห่งดวงจันทร์ในไม่ช้านี้แล้ว หนูเกิดที่นั่น ตอนนี้หนูโตแล้ว พวกเขาจึงมาหาหนู”
“ใครกัน”
“คนจากดวงจันทร์ ในคืนที่ 15 ของเดือน เมื่อพระจันทร์เต็มดวง”
“ก็พรุ่งนี้น่ะสิ ไม่อยากจะเชื่อเลย หนูเป็นลูกของเรา ไม่มีใครนำหนูไปจากพวกเราได้”

วันรุ่งขึ้น ชายชราได้ว่าจ้างซามูไรที่แข็งแรงบึกบึนจำนวน 1000 คนมาคอยป้องกันคนจากดวงจันทร์ไม่ให้เข้ามาหาลูกสาวของเขาได้ เมื่อดวงจันทร์เริ่มขึ้นสูงเหนือภูเขาในตอนเย็น พวกนักรบซามูไรก็ยกคันศรเล็งไปยังท้องฟ้า แต่แล้วดวงจันทร์กลับส่องประกายเจิดจ้าทำให้พวกซามูไรยืนแข็งเป็นตุ๊กตา

ครั้นแล้ว สาวจากดวงจันทร์ 2 คนพร้อมด้วยม้าบินและรถก็ปรากฏตัวท่ามกลางแสงดวงจันทร์นั้น ประตูห้องก็เปิดออกเอง คางูยะ ฮิเมะ ลุกเดินออกไปคล้ายมีพลังที่มองไม่เห็นมาดึงเธอไป ตายายรู้แล้วว่าไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้ คางูยะ ฮิเมะได้มอบกระเป๋าซึ่งภายในมีเม็ดยาซึ่งจะทำให้ทั้งสองตายายไม่แก่ลงไปอีก เธอก้าวขึ้นรถเงินแล้วม้าบินก็กระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้า

สองตายายมองดูขบวนรถหายไปด้วยน้ำตานองหน้า ในคืนถัดมา ชายชรานำกระเป๋าวิเศษมายืนอยู่ข้างๆกองไฟเล็กๆ “ยานี้จะทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ชั่วนิรันดร์ แต่เมื่อไม่มีลูกสาวที่แสนน่ารักแล้ว เราจะมีความสุขได้อย่างไร และชีวิตที่ไม่มีความสุขจะมีความหมายอะไร” แล้วชายชราก็โยนกระเป๋านั้นลงกองไฟ

leave a comment