Kumo
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาหนุ่มผู้หนึ่ง นามว่า “โยซากุ” วันหนึ่งขณะกำลังทำงานอยู่ในนาก็เห็นแมงมุมตัวหนึ่งกำลังจะถูกงูกิน ด้วยความสงสาร โยซากุจึงคว้าจอบวิ่งปรี่เข้าไปไล่งูตัวนั้น
เมื่อไล่งูไปได้สำเร็จ เจ้าแมงมุมก็หลบหายเข้าไปในพงหญ้า แต่ก่อนจะหายลับตาไป เจ้าแมงมุมเหมือนกับหยุดชะงัก แล้วหันกลับมาคำนับขอบคุณโยซากุก่อนจากไป
หลังจากนั้นไม่นาน ในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่โยซากุอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงเล็กๆ เรียกจากนอกบ้าน เมื่อเปิดประตูออกมา ก็พบกับหญิงสาวผู้สวยงามยืนอยู่
“ฉันได้ยินว่าท่านต้องการคนช่วยทอผ้า” หญิงสาวพูดขึ้น “ท่านยินดีให้ฉันอยู่ทอผ้าให้ท่านที่นี่ไหมคะ”
โย ซากุดีใจมาก เพราะในขณะนั้นเขาต้องการคนช่วยทอผ้าจริงๆ เขาพาหญิงสาวไปที่ห้องทอผ้า และเธอก็เริ่มทำงาน ทอผ้าฝ้ายอย่างตั้งอกตั้งใจ พอตกเย็นโยซากุแวะเข้าไปดูงานที่เธอทำ ก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นผ้าทั้งหมดที่เธอทอ ซึ่งเป็นผ้าผืนยาวถึง 8 ชิ้น ซึ่งมากพอที่จะตัดชุดกิโมโนได้ถึง 8 ชุดทีเดียว ซึ่งเขาไม่เคยเห็นใครทอผ้าได้มากขนาดนี้ภายในวันเดียว
ด้วยความสงสัยโยซากุจึงถามหญิงสาวไปว่า “เธอทอผ้าได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร”
แต่แทนที่จะตอบคำถามของชายหนุ่ม เธอกลับพูดว่า “อย่าถามถึงเรื่องนั้นเลยค่ะ ยังไงก็ตามท่านต้องไม่เข้ามาในห้องทอผ้าตอนฉันทำงานนะคะ”
เมื่อ ไม่ได้รับคำตอบ โยซากุก็ยังคงสงสัยในเรื่องเดิมต่อไป ดังนั้นในเช้าวันหนึ่ง เขาจึงแอบเดินไปทางห้องทอผ้าอย่างเงียบๆ และแอบลอบมองหญิงสาวทางหน้าต่าง สิ่งที่เห็นทำให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก เมื่อผู้ที่กำลังนั่งทอผ้าอยู่นั้น ไม่ใช่สาวงามที่เขารู้จัก แต่เป็นแมงมุมตัวใหญ่ที่กำลังทอผ้าด้วยขาทั้ง 8 อย่างรวดเร็ว ด้ายที่ใช้ก็คือ ใยแมงมุมซึ่งคายออกมาจากปากนั่นเอง
หลัง จากโยซากุเพ่งมองดูเจ้าแมงมุมอีกครั้ง ก็จำได้ว่าเป็นแมงมุมตัวเดียวกับที่เขาเคยช่วย บัดนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเจ้าแมงมุมรู้สึกสำนึกบุญคุณ และกลับมาเพื่อทดแทนบุญคุณ เขาจึงเข้าไปในเมืองเพื่อไปซื้อฝ้ายมาเพิ่มให้เจ้าแมงมุม เพราะฝ้ายในห้องทอผ้าเริ่มจะหมดแล้ว หลังจากหาซื้อฝ้ายได้ถุงใหญ่แล้ว เขาก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางโยซากุได้แวะพักเหนื่อยที่ริมทาง โดยไม่รู้ตัวเจ้างูตัวเก่าที่หลบอยู่ในพงหญ้าแถวนั้นก็ค่อยๆ เลื้อยเข้าไปซ่อนในถุงฝ้าย โยซากุที่ไม่ทันได้เห็น ก็ถือถุงฝ้ายเดินกลับบ้านไป
เมื่อกลับถึงบ้านเขาก็ให้ถุงฝ้ายห่อใหญ่ นั้นกับแมงมุมสาว ซึ่งดีใจมากเพราะฝ้ายที่ใช้ทอหมดไปแล้วหญิงสาวเมื่อรับถุงฝ้าย ก็ขอตัวเข้าไปทำงาน ทันที่ที่เข้าไปภายในห้องทอผ้าเธอก็เปลี่ยนร่างเป็นแมงมุม และเริ่มกลืนกินฝ้ายเข้าไปเพื่อคายออกมาเป็นด้าย เจ้าแมงมุมกินแล้วกินเล่าจนถึงก้นถุง ทันใดนั้นเจ้างูที่แอบซ่อนอยู่ก็พุ่งออกมาจากถุง เลื้อยตรงมาที่เจ้าแมงมุมอย่างรวดเร็ว
เจ้างูอ้าปากกว้างตั้งท่าจะเขมือบแมงมุมซึ่งตกใจมากและลนลานหนีออกไปทางหน้าต่าง แต่งูก็เลื้อยตามไปติดๆ เจ้าแมงมุมที่น่าสงสารกินฝ้ายเข้าไปมากจนวิ่งเร็วๆ ไม่ได้ ในไม่ช้าก็ถูกงูไล่ทัน เจ้างูร้ายอ้าปากกว้างอีกครั้งหมายจะเขมือบแมงมุม แต่แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น
ผู้เฒ่าพระอาทิตย์บนท้องฟ้า ผู้ติดตามเหตุการณ์ทั้งหมดมาโดยตลอดและรู้ว่าเจ้าแมงมุมมีความกตัญญูต่อโยซากุเพียงใด พระอาทิตย์รู้สึกสงสารเจ้าแมงมุมเป็นยิ่งนัก จึงส่งรัศมีแสงอาทิตย์ลงมาจับที่ปลายเส้นใยที่ยื่นออกมาจากปากแมงมุมและยก มันขึ้นสูงสู่ท้องฟ้า พ้นจากปากเจ้างูร้าย
เจ้าแมงมุมรู้สึกซาบซึ้ง ในบุญคุณของพระอาทิตย์ที่ช่วยชีวิตตนไว้ จึงใช้ฝ้ายทั้งหมดในตัวถักทอเป็นเมฆสีขาวที่สวยงาม มากมายลอยละล่องอยู่บนท้องฟ้า
*** นี่เองที่เป็นสาเหตุที่เมฆขาวละมุนและเบาราวกับปุยฝ้าย และด้วยตำนานนี้เอง เมฆ และ แมงมุม จึงออกเสียงเหมือนกัน ***