คินทาโร่ (The Legend of Kintaro)
เลื่อน >>
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายร่างเล็กคนหนึ่งกับแม่ของเขา อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กที่เชิงเขาอะชิงาร่า เด็กชายผู้นี้มีชื่อว่า คินทาโร่ เขามีร่างกายที่แข็งแรงเหลือเชื่อ ตอนที่เขาเพิ่งคลานได้ เขาก็มีพลังเท่ากับผู้ใหญ่วัยฉกรรจ์แล้ว
คินทาโร่คือความภาคภูมิใจและความสุขของแม่ ตอนที่เขาเริ่มหัดเดินนั้นแม่ได้เย็บเสื้อสีแดงสดให้ตัวหนึ่ง ด้านหน้าของเสื้อปักดิ้นทองเป็นรูปตัวอักษร Kin แปลว่า ทอง ซึ่งหมายถึงคินทาโร่เอาไว้ด้วย เสื้อตัวนี้ใหญ่กว่าเด็กชายเพราะแม่รู้ว่าอีกไม่นานเสื้อตัวนี้จะมีขนาดเหมาะกับเขา เขาเติบโตและแข็งแรงอย่างรวดเร็วแทบทุกวี่ทุกวัน
คินทาโร่เป็นเด็กที่เกิดมาท่ามกลางธรรมชาติ สถานที่วิ่งเล่นของเขาก็คือป่า จึงเป็นการง่ายที่เขาจะเข้าใจความรู้สึกและภาษาของสัตว์ป่าทุกชนิด วันหนึ่งขณะที่เขากับแม่กำลังลงแช่ในบ่อน้ำพุร้อนใกล้บ้าน ได้มีบรรดาสัตว์ต่างๆ ได้แก่ กระต่าย ลิง กระรอก กวาง ทานูกิ และ สุนัขจิ้งจอก มารายล้อมมองเขาอยู่ สัตว์ทั้งหมดอยากจะเล่นกับคินทาโร่แต่ยังไม่กล้าเข้าไปหาคินทาโร่ ในที่สุดทานูกิก็พูดขึ้นเป็นรายแรกแล้วกระโจนลงไปเล่นน้ำกับคินทาโร่ ในไม่ช้าบรรดาสัตว์ทั้งหลายกับคินทาโร่ก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
หลังจากนั้นเป็นต้นมา คินทาโร่จะเดินขึ้นไปยังภูเขาทุกวันเพื่อไปพบกับเพื่อนๆสัตว์ของเขา พวกเขาจะวิ่งและเล่นเกมต่างๆอยู่ในป่าแห่งนั้นตลอดวัน บางครั้งมีการแข่งขันมวยปล้ำเพื่อความสนุกสนาน แน่นอนว่าไม่มีใครชนะคินทาโร่ได้ นอกจากกระรอกที่วิ่งไปมาในเสื้อของคินทาโร่ทำให้เขาจั๊กจี้จนต้องลงกลิ้งกับพื้นดินเป็นที่สนุกสนานกันยกใหญ่ กระต่ายซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมการจะตัดสินโดยจับมือกระรอกชูขึ้นแล้วตะโกนว่า “ผู้ชนะ” สัตว์ทุกตัวก็พากันหัวเราะ
เมื่อคินทาโร่เติบโตขึ้นจนกระทั่งเสื้อที่ใส่อยู่คับ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้อีกต่อไป แม้ว่าจะรุมกันเล่นงานเขา. ซึ่งสู้เพียงลำพังก็ตาม เด็กชายผู้ทรงพลังจะจับบรรดาสัตว์ที่เสนอตัวเข้าต่อกรกับเขาทุ่มออกจากแนวเชือกตัวแล้วตัวเล่า ราวกับว่าสัตว์เหล่านั้นมีน้ำหนักที่เบาหวิว
เมื่อฤดูหนาวย่างเข้ามา สัตว์ทั้งหลายจะคลานเข้าไปอยู่ในหลุมหนาวสั่นอยู่ในนั้น แต่อากาศหนาวไม่สามารถทำอะไรคินทาโร่ได้เลย อากาศร้อนก็เช่นกัน แม้แต่ในตอนบ่ายของฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าวก็ยังทำอะไรคินทาโร่ไม่ได้ ขณะที่ทุกคนพากันหลับอยู่ใต้ต้นไม้ คินทาโร่จะวิ่งเข้าป่าหรือไม่ก็ลงไปเล่นน้ำในแม่น้ำอย่างสุขสำราญ และในระหว่างที่มีพายุจัดในฤดูใบไม้ร่วง คินทาโร่จะยืนอยู่นอกบ้านตลอดคืนเพื่อจะได้คอยประคับประคองบ้านไว้ไม่ให้พัง
เมื่อคินทาโร่อายุได้ 5 ขวบ แม่มอบขวานเล่มใหญ่และหนักมากเล่มหนึ่งแก่เขา คินทาโร่ชอบขวานเล่มนี้มาก เขาไม่เคยใช้ขวานเล่มนี้เป็นอาวุธเลย เขาเป็นเด็กที่สุภาพมาก และมักจะระมัดระวังไม่ให้เหยียบมดหรือตัวดักแด้ทุกครั้งที่เดินอยู่ในป่า คินทาโร่ดีใจที่ได้ช่วยแม่เก็บฟืนทุกวัน
วันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง คินทาโร่กำลังตัดไม้อยู่ในป่า เพื่อนๆสัตว์ได้เข้าไปหาเขา ลิงตะโกนชวนคินทาโร่ไปเก็บลูกเกาลัดบนยอดเขา คินทาโร่ตกลงไปกับเพื่อนๆ
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเดินทางขึ้นเขาโดยมีคินทาโร่เดินนำหน้า สัตว์ทุกตัวอารมณ์ดีต่างพากันหัวเราะและคุยกันอย่างสนุกสนาน จนไปถึงเหวแห่งหนึ่งที่สะพานได้พังไปแล้วเพราะโดนพายุในครั้งก่อนทำลาย
“ฉันจะล้มต้นไม้ต้นนี้เพื่อทำสะพานขึ้นใหม่” คินทาโร่ชี้ที่ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ข้างเหว แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะยาวพอหรือเปล่า”
ต้นไม้ต้นนี้มีขนาดใหญ่มาก แม้คินทาโร่จะแข็งแรงมากแต่การถอนต้นไม้ต้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ถึงอย่างไร คินทาโร่ก็ออกแรงดึงลากส่งเสียงดังฮุยเลฮุย โดยมีพวกสัตว์คอยเชียร์เขาอยู่ ในที่สุด เขาก็สามารถดึงต้นไม้นั้นออกจากพื้นดินได้ แล้วเขาก็จัดการนำต้นไม้นั้นวางพาดเหวนั้นจนสำเร็จ ต้นไม้ต้นนี้เป็นสะพานที่สมบูรณ์แบบ
สัตว์ทั้งหลายเดินข้ามสะพานต้นไม้มุ่งหน้าไปยังภูเขา ในไม่ช้าก็เริ่มจะมองเห็นต้นเกาลัด แต่ต้นเกาลัดที่ขึ้นอยู่ที่กึ่งกลางภูเขานี้ยังไม่แก่ สัตว์ทั้งหลายจึงต้องมุ่งหน้าขึ้นเขาต่อไป คินทาโร่เดินนำหน้าสัตว์ทุกตัว ขณะที่เขาจดจ้องที่กิ่งไม้ใหญ่ ทันใดนั้นเขาก็ร้องตะโกนออกมา
” โอ๊ย !! “
เขาเหยียบเอาผลเกาลัดแก่ขนาดใหญ่เข้าพอดี คินทาโร่และสัตว์ทั้งหลายกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ พลางก้มลงเก็บลูกเกาลัดที่หล่นอยู่ที่พื้นใส่ในตะกร้าเท่าที่เขาจะเก็บได้ ยิ่งเดินขึ้นเขาก็ยิ่งพบลูกเกาลัดมากขึ้น ในที่สุดพวกเขาก็ไต่ขึ้นไปถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่อยู่ของหมีที่ดุร้ายขนาดใหญ่ของภูเขาอะชิงาร่าตัวหนึ่ง
คินทาโร่คือคนแรกที่พบหมี เขาได้พบว่ามีต้นไม้ต้นหนึ่งที่เปลือกของมันถูกกรงเล็บสัตว์ฉีกและลอกออกไป ที่ลำต้นก็มีร่องรอยของกรงเล็บของสัตว์ที่แหลมคมและทรงพลัง
มีเสียงคำรามดังมาจากพุ่มไม้ สัตว์ทุกตัวสั่นเทิ้มเพราะความกลัว แล้วเจ้าหมีที่บ้าคลั่งก็ตะกุยตะกายออกมาจากพุ่มไม้พลางส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ พวกสัตว์ต่างแยกย้ายกันปีนขึ้นต้นไม้ แต่คินทาโร่ยืนอยู่ที่พื้นดินด้วยความสงบ
” ออกไปจากถิ่นของข้า มิฉะนั้นข้าจะบดขยี้แกให้เหมือนตัวหนอน” เจ้าหมีคำราม
” พวกเราไม่ได้ทำความยุ่งยากอะไรให้คุณเลยนี่ คุณหมี แต่ถ้าคุณต้องการจะต่อสู้ล่ะก็ ฉันก็ยินดีรับคำท้า”
” ไอ้หนูน้อย ข้าจะฉีกแกให้เป็นจุณ โครกๆๆๆ”
ทันทีที่เจ้าหมีลุกขึ้นยืนสองขาอวดกรงเล็บพลางอ้าปากอวดฟันอันแหลมคมของมันนั้น คินทาโร่ก็เดินเข้าไปต่อยจนหมีเซถลา เพื่อนของคินทาโร่ต่างส่งเสียงเชียร์อยู่เป็นระยะๆ แต่ดูราวกับว่าหมีจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่แล้ว คินทาโร่ก็ถอยตั้งหลักแล้วใช้พลังอันมหาศาลยกเจ้าหมีถึกชูขึ้นเหนือศีรษะ หมีตะเกียกตะกายหมดทางสู้อยู่กลางอากาศ
คินทาโร่ให้หมีสัญญาว่าจะทำตัวเป็นหมีที่ดี ก่อนที่เขาจะปล่อยหมีลง นับจากนั้นเป็นต้นมา หมีก็หยุดใช้กำลังกับสัตว์ที่เล็กกว่าตนและได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดตัวหนึ่งของคินทาโร่
ในไม่ช้า บรรดานายพรานและคนตัดไม้ในบริเวณไกลออกไปเป็นระยะทางหลายไมล์ ก็เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านของพวกตน พร้อมด้วยเรื่องที่ตนพบเห็นมาอย่างไม่น่าเชื่อจากภูเขาอะชิงาร่า นั่นคือเรื่อง เด็กน้อยในชุดสีแดงลายดิ้นทอง แบกขวานที่คมกริบไว้เหนือไหล่ นั่งขี่อยู่บนหลังหมีป่าตัวใหญ่มหึมา
คินทาโร่มีเรื่องราวการผจญภัยที่ตื่นเต้นอีกหลายอย่าง เขาเติบโตขึ้นและแข็งแรงมาก มีคนพูดกันว่า เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ เขาได้เดินทางไปเกียวโตและได้รับชื่อเสียงที่ยืนยาวมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ว่า เป็นซามูไรที่กล้าหาญและไร้เทียมทานนามว่า ซากาตะ โนะ คินโทกิ