มีอุบาสิกาผู้หนึ่ง ทุกๆ วันต้องตัดดอกไม้นำไปถวายพระที่วัดมิเคยขาด วันหนึ่งบังเอิญพบอาจารย์เซนอู๋เต๋อ อาจารย์เซนจึงกล่าวกับนางว่า “หากยึดตามคัมภีร์ที่ได้มีการบันทึกไว้ การนำดอกไม้ที่สดหอมมาถวายพระอย่างสม่ำเสมอ ผลบุญจะส่งให้สีกามีรูปโฉมงดงามในชาติหน้า”
อุบาสิกาผู้นั้นเล่าว่า “ทุกครั้งยามที่ดิฉันนำดอกไม้มาถวายพระ จะรู้สึกเสมือนจิตวิญญาณได้ถูกน้ำชำระล้างจนสะอาดหมดจด ทว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านจิตใจกลับฟุ้งซ่านวุ่นวาย จึงอยากสอบถามท่านว่าทำอย่างไรดิฉันจึงจะรักษาความบริสุทธิ์ของจิตใจเอาไว้ได้ในท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของโลกฆราวาส?”
อาจารย์เซนอู๋เต๋อถามกลับไปว่า “สีกานำดอกไม้สดมาถวายพระ อยากทราบว่าสีกามีวิธีรักษาดอกไม้ให้สดอยู่ได้อย่างไร?”
อุบาสิกาจึงตอบว่า “วิธีรักษาความสดของดอกไม้ ที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนน้ำในแจกันทุกวัน และก่อนที่จะนำดอกไม้ไปใส่ในน้ำใหม่ ให้ตัดปลายก้านดอกส่วนที่แช่อยู่ในน้ำทิ้งไปก่อน เพราะส่วนนั้นเป็นส่วนที่ก้านเน่าเปื่อยจนไม่สามารถดูดซึมน้ำขึ้นมาเลี้ยงดอกได้ซึ่งจะทำให้ดอกไม้เหี่ยวเฉาง่าย”
เมื่อได้ฟังดังนั้น อาจารย์เซนอู๋เต๋อจึงกล่าวว่า “การรักษาจิตใจดวงหนึ่งให้ใสบริสุทธิ์กลับมึหลักการเฉกเช่นกัน สิ่งแวดล้อมที่เราใช้ชีวิตอยู่ ณ ขณะนี้ก็เป็นดั่งน้ำในแจกัน ส่วนตัวเราเป็นเช่นดอกไม้ ที่ต้องหมั่นชำระจิตใจให้สะอาด พิเคราะห์ตนเอง ทำความดี ละเว้นความชั่ว จึงจะสามารถซึมซับธรรมมะเข้ามาในชีวิตได้”
อุบาสิกาได้รับคำสั่งสอนก็ยินดียิ่ง จากนั้นจึงกราบลาอาจารย์เซนพลางกล่าวว่า “ขอบคุณท่านที่ชี้ทางสว่าง ดิฉันหวังว่าวันหนึ่งจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตศึกษาพระธรรมที่วัดแห่งนี้ สดับรับฟังเสียงระฆังทำวัตรและการสวดมนต์ภาวนา ผ่านชีวิตด้วยความสงบสุข”
ทว่าอู๋เต๋อไต้ซือกลับบอกนางว่า “ลมหายใจของสีกาคือเสียงสวดมนต์ ชีพจรคือเสียงย่ำระฆัง ร่างกายคืออารามศักดิ์สิทธิ์ สองหูคือพุทธะ เช่นนี้ยังมีที่ใดไม่สงบสุข ไม่จำเป็นต้องมาใช้ชีวิตในวัดก็สามารถรักษาจิตใจให้สงบพิสุทธิ์ได้ด้วยตนเอง ในทางกลับกัน หากจิตใจไม่อาจขจัดความฟุ้งซ่าน แม้ว่าร่างกายจะอยู่ ณ อารามลึกเร้นในหุบเขาก็มิอาจพบความสงบสุข …”เซน” เน้นย้ำให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ฉะนั้นใยต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้”
ปัญญาเซน : ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจของเรานี้เอง