Skip to content Skip to footer
11May

ยื้อไว้ไม่ยอมตาย กับ มีชีวิตอยู่อย่างดี

ในวันหนึ่งที่อากาศร้อนจัด มวลดอกไม้รอบบริเวณอารามเซนโดนแดดเผาจนเหี่ยวเฉา เมื่อเณรน้อยเห็นดังนั้น จึงกล่าวด้วยความตกใจว่า

“แย่แล้ว ต้องรีบรดน้ำพวกมันสักหน่อย” จากนั้นจึงรีบยกถังไปตักน้ำตั้งท่าจะนำมารดต้นไม้

เมื่ออาจารย์เซนเห็นเหตุการณ์จึงกล่าวห้ามว่า “จงอย่ารีบร้อนไป ตอนนี้แสงแดดแรงมาก หากรดน้ำลงไป เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น จะพาลให้ดอกไม้ตายเป็นแน่ จงรอให้ถึงยามค่ำก่อนเถิดค่อยรดน้ำ”

ยามค่ำ เหล่าดอกไม้ที่โดนแดดมาทั้งวัน ล้วนแห้งเหี่ยว เณรน้อยจึงบ่นว่า

“ไม่รีบรดน้ำให้เร็วกว่านี้ ตอนนี้ดอกไม้พวกนี้คงแห้งตายไปหมดแล้ว ต่อให้รดน้ำยังไงก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก”

อาจารย์เซนได้ยินจึงปรามว่า “อย่าพูดมาก รดน้ำไป!”

เมื่อได้น้ำที่ชุ่มฉ่ำราดรดลงไป ไม่นานเหล่าดอกไม้ก็กลับมาชูช่อดังเดิม เณรน้อยเห็นดังนั้นจึงอุทานด้วยความยินดีว่า

“โอ้โฮ.. ดอกไม้เหล่านี้ช่างทนยิ่งนัก ยังสามารถยื้อไว้ไม่ยอมตาย”

ทว่าอาจารย์เซนกล่าวแย้งว่า “เหลวไหล มิใช่ยื้อไว้ไม่ยอมตาย แต่เป็นการมีชีวิตอยู่อย่างดีต่างหาก”

“แล้วมันต่างกันอย่างไร?” เณรน้อยถามด้วยความงุนงง

อาจารย์เซนจึงกล่าวว่า “ย่อมต่างกัน เราถามเจ้า ปีนี้เราอายุ 80 กว่าแล้ว เรียกว่าเรายื้อไว้ไม่ยอมตาย หรือมีชีวิตอยู่อย่างดี?”

หลังจากเสร็จสิ้นการทำวัตรเย็น อาจารย์เซนเรียกเณรน้อยมาพบ ทั้งยังถามถึงเรื่องที่ค้างไว้ว่า “เป็นอย่างไร คิดออกแล้วหรือไม่?”

“คิดไม่ออกครับ” เณรน้อยตอบ

อาจารย์เซนจึงอธิบายว่า

“เด็กโง่ ผู้ที่ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเอาแต่กลัวความตาย ย่อมเรียกว่า ยื้อไว้ไม่ยอมตาย ส่วนผู้ที่มองไปข้างหน้าในทุกๆวันจึงเรียกว่ามีชีวิตอยู่อย่างดี เมื่อมีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน ก็ต้องใช้มันให้ดีที่สุด

ผู้ที่ยามมีชีวิตเอาแต่กลัวความตาย เอาแต่จุดธูปสวดมนต์ภาวนา เพื่อหวังว่าตายแล้วจะกลายเป็นพุทธะ ล้วนไม่มีทางเป็นพุทธะ”

จากนั้นจึงกล่าวว่า “วันนี้มีชีวิตอยู่แล้ว แต่กลับไม่ตั้งใจใช้ชีวิตให้ดี เมื่อตายไป ฟ้าก็คงไม่ประทานชีวิตที่ดีกว่ามาให้หรอก”

leave a comment