อาจารย์เซนอวิ๋นจีว์ นามเดิมเต้าฉี ชาวเมืองหนานชัง มักจะไปนั่งวิปัสสนายังถ้ำในป่าลึกเป็นประจำ พอดีกับที่ในละแวกนั้น มีเด็กซนกลุ่มหนึ่งคิดแผนการแกล้งอาจารย์เซน ด้วยการหลบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ ณ เส้นทางที่อาจารย์เซนอวิ๋นจีว์ต้องเดินผ่าน
ยามค่ำ เมื่ออาจารย์เซนเดินผ่านมา เด็กซนผู้หนึ่งจึงยื่นมือฝ่าความมืดลงไปลูบศีรษะอาจารย์เซน โดยเดิมทีเหล่าเด็กซนคาดการณ์ว่า อาจารย์เซนจะต้องสะดุ้งตกใจ เพราะคิดว่าเป็นผีมาหลอก
ทว่าเมื่อโดนลูบศีรษะ อาจารย์เซนกลับสงบสำรวมดังเดิม เมื่อผิดคาด เหล่าเด็กๆจึงเป็นฝ่ายตกใจจนหดมือกลับไปเอง ส่วนอาจารย์เซนก็เดินต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันถัดมา เหล่าเด็กซนยังไม่ละความพยายาม มาดักรออาจารย์เซน เมื่อพบหน้าก็แกล้งเอ่ยถามว่า
“ท่านอาจารย์ ได้ข่าวว่าละแวกนี้มีผีออกอาละวาดหลอกหลอน เกิดเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่?”
อาจารย์เซนอวิ๋นจีว์ตอบว่า “ไม่จริง”
เหล่าเด็กยังคงถามต่อไปว่า “จริงหรือ แต่พวกเราได้ยินมาว่า ยามค่ำคืนมีคนโดนผีร้ายจับศีรษะด้วยนะ”
อาจารย์เซนตอบว่า “นั่นมิใช่ผีร้าย เป็นเพียงเด็กในหมู่บ้าน”
เด็กๆต่างงุนงงที่อาจารย์เซนรู้ทัน จึงถามว่า “ท่านทราบได้อย่างไร?”
อาจารย์เซนจึงชี้แจงว่า “เพราะมือที่จับศีรษะนั้น ทั้งนุ่มนิ่มและอบอุ่น ย่อมมิใช่ผีร้าย”
ผู้เผชิญความตายแล้วไม่กลัวเกรง คือแม่ทัพใหญ่ ผู้เข้าป่าไม่กลัวสัตว์ร้ายย่อมเป็นนายพราน ผู้ลงน้ำไม่เกรงสิ่งใดมีเพียงชาวประมง ส่วนผู้บรรลุแล้วย่อมไร้ซึ่งความหวาดกลัวอันใด
ปัญญาเซน : เมื่อรู้แจ้งย่อมไร้ซึ่งจิตขลาดกลัว